Wednesday, December 19, 2007

สมการของคนตกเลข...

เป็นไปไม่ได้ (เพราะทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำก็ตาม) ต้องมาจากคนลงมือกระทำ และโอกาสที่ประกอบด้วยตัวแปรหลักที่จะให้ได้คำตอบสุดท้ายคือ "การสันบสนุนจากคนอื่น"!!

สรุปสมการได้ดังนี้

"คนลงมือทำ x ความตั้งใจ + [โอกาส(คนที่มีอำนาจตัดสินใจที่เหนือกว่า + แรงสนับสนุน)] = ยังพอมีความเป็นไปได้"

ถ้า

"คนลงมือทำ x ความตั้งใจ - [โอกาส(คนที่มีอำนาจตัดสินใจที่เหนือกว่า + แรงสนับสนุน)] = "ทำไม่ได้"

เพราะฉะนั้นถ้าสมการเป็นแบบนี้

"คนลงมือทำ x ความตั้งใจ / [โอกาส(คนที่มีอำนาจตัดสินใจที่เหนือกว่า + แรงสนับสนุน)] = "ไม่ได้ทำ" แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้!!

. . . เคือง . . .

Sunday, December 16, 2007

Winter London Ice Rinks Tour

ช่วงหน้าหนาว London และชานเมือง London มีลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งขึ้นกันเป็นดอกเห็ด และค่าเข้าแพงกระฉูดกว่าลานถาวรที่มีอยู่ 3-4 ลาน ประมาณว่าเก็บค่าบรรยากาศ งานนีเลยต้องแบ่งทริปเป็น 2 รอบ รอบแรกไป 3-4 ที่ และรอบที่ 2 เก็บลานที่เหลือยกเว้น 1 ลาน ที่เล่นไปทำอยู่ในสวนเก็บเงินตั้งแต่ค่าเข้าสวน แล้วส่วนลานก็เก็บต่างหาก (ค่าเดินทางก็แย่แล้ว เพราะอยู่ใกลด้วย เลยไม่ไปซะเลย) วันแรกตระเวนกับเพื่อนฝูง เกือบตกรถไฟกลับที่พัก เรียกว่าขึ้นขบวนสุดท้ายเลย แต่ทริปรอบ 2 นี่ไปตะลุยคนเดียวแบบแวะผ่านหลังเลิกเรียนวันที่เลิกเร็ว แนวชะโงกทัวร์ ไปถ่ายรูปสองสามภาพแล้วไปต่อ
จริงๆ ได้แวะเล่นลองบรรยากาศเหมือนกัน ที่เดียวพอ แพงเกิน 555

ลานที่ Greenwich มัวแต่เล่นกันเพราะสวยอยู่ และอาจจะไม่ได้รูปจากที่ O2 มาฝาก แต่เออ แถวๆ นั้นนี่หว่า ไหนๆ ก็จะไปแล้วและมันก็อยู่ไม่ได้ไกลจาก Greenwich แถมเป็นทางผ่านด้วย เลยแวะก็แวะวะ เลยได้รูปมาฝากแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ลมแรงมากเลย ตอนจะกลับเนี่ยรถเมล์ก้อไม่จอดไปตั้งหลายคัน วันนี้ DLR ดันปิดซะนี่ กว่าจะได้รถไปเนี่ยรอซะนานเลย จนได้รู้จักคนไทยอีกสองคน เหอๆๆ... แต่ก้อกลับถึงบ้านกันสวัสดิภาพ 555...

สรุปนะ... ลานที่สวยที่สุด Natural History Museum กับ Somerset House เราว่าลานที่ O2 Ice Disco เนี่ยล่ะมันอยู่ที่ที่แบบค่อนข้างดูดีมันน่าจะทำขอบลานดีๆกว่านี้หน่อยว่ะ (O2 มันเหมือนฟิวโมเดินแบบพารากอน แต่รูปแบบมันเหมือนกับอิมแพคเมืองทองผสมกะเมเจอร์ยังไงยังงั้นเลยหว่า...)ส่วนลานที่เราว่าไม่โอที่สุดคงเป็นที่ Hyde Park ลานแบบแคบๆยาวๆ เหมือนจะเอาไว้แข่งสปีดเสก็ตยังไงไม่รู้แถมพื้นข้างนอกรอบๆลานมันเหมือนวางลานลงไปแล้วพื้นยุบว่ะ เหอๆ แต่ถ้าเป็นบรรยากาศรอบๆก็โอดีนะ เหมือนงานวัด!! (เอ๊ะ ยังไงนี่) 555

Tuesday, November 27, 2007

เพิ่งเจอไอ้นี่ว่ะ เหอๆๆ

เปิดหาเว็บมหาลัยเอามาทำงานส่งเลยลองหาๆดูว่าจะเอามหาลัยไหนดี ก้อเลยเช็คจากอันนี้ซะเลย topuniversities.com เป็น 400 อันดับมหาลัยยอดฮิต มีมหาลัยไทยด้วยนะ อิอิ จุฬากะมหิดลว่ะ (ทามมายม่ายมีทำมะสาดของกรูล่ะ อิอิ) ทีแรกเราคิดว่ามหาลัยอสสัมชัญ (ABAC) น่าจะติดแรงค์นี้ ปากดว่าเราไม่เห็นว่ะ จุฬาอยู่อันดับที่ 223 ส่วนมหิดลอยู่อันดับ 284 ที่เราแอบงงคือว่า จุฬาเค้าไม่ได้อินเตอร์เท่ามหิดลนะ แต่ทำไมมหิดลถึงดันอยู่แรงค์ต่ำกว่าจุฬา เพราะที่อ่านๆดูเค้าก้อเขียนอยู่ว่าเก็ยข้อมูลจากเด็นนานาชาติไม่ใช่แค่ในแต่ละประเทศนี่นา เหอๆๆ รึว่าส่วนมาก เด็กที่จบจากจุฬากะมหิดลจะไปเรียนต่อต่างประเทศกันเยอะที่สุด เพราะเราคิดว่าคนที่จบจาก ABAC คงไม่คิดจะเรียนต่อโทในต่างประเทศแล้ว อาจจะแบบว่าไปทำงานเลย ไม่เรียนแล้วอะไรแบบนี้ เนื่องจาก ภาษาเค้าค่อนข้างได้เปรียบ เอาแค่จบทำงานในเมืองไทยก้อได้เงินเดือนเยอะกว่าคนอื่นแล้ว (เราคืดว่างี้นะ -- แต่ว่าถ้าเราเรียนที่เอแบคเราคงไม่เรียนค่อต่างประเทศหรอก เพราะแต่นั้นก้อแพงไปแล้วอ่าจาแพงไปไหนอีก เว้นแต่ต่อในประเทศ เหอๆๆ) ส่วนธรรมศาสตร์ น่าจะนะ น่าจะ... ส่วนมากจะเป็นอารมณ์แบบคนมีเงินไม่เยอะ รึไม่ได้รวยมากพอมีพอใช้แต่เรียนเก่ง เลยจบแล้วก้อแล้วกัน นอกจากจะได้ทุนไปเรียนต่อ อันนั้นค่อยว่ากัน...

ปล. ไม่ทราบว่ามีรุ่นน้องคณะกรูคนไหนเข้ามาอ่านที่กรูโพสมั่งฟะเนี่ย...

Tuesday, November 20, 2007

Outlet @ Bicester North

Picture 004_resize1ไปมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ได้เอามาให้ดู อิอิ เป็น Outlet รวมแบรนด์เนมที่ราคาถูกกว่าร้านย่อยๆตามแหล่งช็อปปิ้งอื่นๆ โดยเฉพาะในเมือง ในใบปลิวเค้าเขียนว่า Bicester Village ที่รวมร้านแบรนด์เนมย่อยๆอีกกว่าร้อยแบรนด์อยู่ที่นี่ เห็นบอกว่าคริสมาสจะลดอีก เรียกว่าถูกแล้วก้อถูกอีก แต่ว่าจะซื้อลงอยู่มั้ยนี่อีกเรื่องว่ะ เอาเป็นว่าจะโพสข้อมูลคร่าวๆให้ไปก่อนนะ 

เปิดทุกวัน คงยกเว้นวันหยุดสากลที่เค้าหยุดกันทั่วโลกแหละ เหอๆ เปิดประมาณสิบโมง แล้วก้อปิดประมาณหกโมงเย็น ทุ่มนึงประมาณนี้ ตอนที่ไปต้องไปรถไฟอย่างเดียวอะ แต่รถไปแบบนี้ ไปกันหลายคนราคาก้อจะถูกลงนะ ไปลงที่สถานี Cgiltern Railways แล้วเค้ามีบัสบริการด้วย แต่ตอนซื้อตั๋วรถไปก้อต้องไม่ลืมบอกเค้านะว่าไป Outlet เพราะเค้าจะขายตั๋วรถบริการของทาง Outlet มาให้ด้วยเลย ไปกลับอีกสองปอนด์นะPicture 001_resize

ส่วนว่าถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มไปดูเองในนี้เอาแล้วกัน เว็บของเค้าเองอะแหละ www.BicesterVillage.com

ปล. ถ้าอยากดูรูปเพิ่ม... เชิญด้านข้างเลย ไปหาแกลเลอรี่เอานู่น อุส่าทำไว้

ส่วนเรา ไปแล้วถามว่าอยากได้มั้ยก้ออยากนะ แต่ก้อคิดว่าราคามันก้อไม่ใช่น้อยๆ เราไปชอบกระเป๋าสะพายของ DKNY แต่แบบว่า เอามาทำรัยฟะ เล็กก้อเล็กแถมยังไม่มีของเลย หนักแล้ว ส่วนใบที่ว่าโดนๆก้อเอาซะร้อนกว่าปอนด์ซ้า... เห็นราคาแล้วแทบเดินออกไม่ทัน!! ทำไมเราไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์แบบนั้นกะเค้ามั่งนะ... เฮ่อ... ที่แน่ๆ แบรนด์พวกนี้ก้อเอาของถูกมาทำให้ดูดีได้ก้อแค่นั้นเองแหละน่า เพราะการลงทุนกว่าจะมาดัง เลยบวกค่าเสียเวลากว่าจะดังเข้าไปอีก ไม่รุ้นะ สำหรับเราถ้าจะเป็นแบรนด์มันคือต้องเป็นแบบว่า ในเมื่อดีอยู่แล้วของไม่ต้องรักษามากมันอยู่ของมันได้ ไม่ใช่ยิ่งจ่ายแพงยิ่งต้องระวังเพราะพังง่าย... ถ้าแบบนั้น แน่ใจนะว่าคุณภาพดีอะ... เราถึงไม่ค่อยชอบนักพวกแบรนด์อะ แล้วจากที่เราทำงานมาก้อรู้เลยว่าจริงๆมันก้อใช้วัตถุดิบแทบไม่ต่างอะไรกับของถูกๆริมทางเลยสักกะนิด ถึงจะมีบางส่วนที่สั่งทำพิเศษแต่ก้อเป็นส่วนที่น้อยกว่าอยู่ดีแหละ... อิอิ

ใครที่ชอบของมียี่ห้อ แต่แยกวัตถุดิบในการผลิตออกก้อน่าจะดูรู้ว่าใช้ของถูกรีเปล่า อย่าให้ชื่อมาเป็นตัวกำหนดว่าของที่ใช้ผลิตต้องเป็นของดีเสมอไป แพงแต่ใช้ได้ไม่คุ้มแล้วยังต้องเสียค่ารักษามันแพงกว่าซื้อของถูกก้อ... นะ

แบรนด์เราก้ออยากมีไว้มั่งแหละนะ แต่ว่าเราจะดูที่ไอเดีย ดีไซน์และการใช้งานก่อนจะซื้อ บางทีก้อดูว่าต้องดูแลมันมากมั้ย ถ้ามันเรื่องมากนักก้อไม่เอา เพราะเราไม่ใช่คนรักษาของ อิอิ เพระฉะนั้นแบรนด์ในสายตาเรามันต้องรักษาตัวเองได้ สมมติว่าเราซื้อกระเป๋ามา ฐานะมันก้อแค่กระเป๋าแล้วก้อไปอยู่รวมๆกับของถูกๆนั่นแหละ (ไม่มีที่เก็บดีๆให้หรอกนะ ที่เก็บดีๆอะมันที่เก็บบงานดีไซน์ของชั้นเท่านั้นย่ะ) ค่าของมันคืออยู่ได้นานกว่า ดูดีกว่ากระเป๋าอื่นๆ (ถึงจะกองๆรวมๆกันอยู่ก้อเหอะ) ไม่งั้นกระเป๋าของแบรนด์นั้นมันก้อไม่มีค่าพอที่จะเอามาอีก ถ้ามันไม่ถึกกว่ากระเป๋าถูกๆข้างถนน!! เหอๆๆ

Sunday, November 04, 2007

Supermarket กับ Shopping ใน UK

เราขอแบ่งตามความคิดเรานะ... อิอิ

Shop1Argos กับ Woolworth ขายของไปแนวเดียวกัน คือถูกแต่ได้คุณภาพ (น่าจะระดับนึงอะนะ) แต่รู้สึกว่า Currys ก็ด้วยแต่เราไม่เคยเข้าชอปใหญ่อะ เคยไปแต่ Currys.Digital ที่ขายแต่พวกของอิเล็กทรอนิกส์ อ่อ บอกก่อนเลยว่า Argos จะไม่เห็นของนะจนกว่าจะสั่งและจ่ายเงินแล้วเท่านั้น เค้ามีแคตตาล็อกเรียงเต็มร้านเลยไปเปิดดูแล้วก้อจดรายการไปจ่ายเงิน แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะคืนได้ถ้าไม่พอใจ (ที่นี่ส่วนมากคืนได้หรือเอาไปเปลี่ยนได้นะ)

tesco_sainsbury_asda_logoส่วนซุปเปอร์มาเก็ตที่คนนิยมเข้า อารมณ์แบบว่าชนชั้นกลางอะไรแบบนี้กฺจะมี ASDA, Tesco, Tesco Metro, Tesco Extra, Sainsbury's, Sainsbury's local เรียงตามระดับราคาเรยกรู ส่วน Morrison กะ Somerfield ไม่แน่ใจว่ะ น่าจะเหมือนๆกัน แต่ของถูกๆคุณภาพก็จะไปหวังกะมันมากไม่ได้ว่ะ เหอๆ แต่เราค่อนข้างชอบ Sainsbury's นะของไม่ได้ถูกหรอก แค่รู้สึกว่าของมีคุณภาพในราคาที่พอรับได้ เพราะตอนแรกที่ไป ASDA บอกได้เลยว่าไม่ชอบ รู้สึกคุณภาพต่ำๆยังไงๆชอบกลแต่ตอนนี้ก็พอรับได้บ้างกับของบางอย่าง เพราะช่วยเซฟเงินได้เยอะเลย แต่ก้อเข้าช็อปอื่นบ้างสลับกันอะนะ

Shop3 ASDA LIVING, IKEA กะ HOMEBASE ช็อปของแต่งบ้านเคยไปแต่ IKEA หว่าของถูกนะ เป็นบางอย่าง ถ้าพวกแพคโหลอะจะถูกจริงแต่... มันเยอะไปมั้ย... เรียกว่าถ้าจะซ์อของก็ต้องเช็คราคาก่อนอะ เพราะบางอย่างร้านนี้จะถูกกว่า บางอย่างร้านนี้ก้อแพงกว่าอะไรแบบนี้ทั้งๆที่ของเหมือนกันเดี๊ยะ

M&S (Mark & Spencer) Waitrose สองอันนี้ปล่อยคนชั้นสูง (หรือคนหัวสูง) เดินช็อปไปเถอะ ของแพงเอามากๆ แล้วก็ค่อนข้างจะงั้นๆด้วย ถ้าของใช้ก็พอโอนะ ส่วนของกิน เราว่าไปเอาถูกๆกว่าก็พอแล้ว กินไปก็ขี้ออกเหมือนกันละน่า แต่ว่าทาง M&S จะมีโปรโมชั่นดีๆ ปล่อยมาเป็นระยะๆเหมือนกันต้องคอยดู เวลามันมีโปรฯของค่อยน่าซื้อหน่อย

99p, Poundland หรือร้านพวก Charity ทั้งหลายก็เป็นอีกช้อปที่น่าสนใจ (ถ้าไม่ได้สนใจคุณภาพเร้ยจริงๆอะนะ) แบบของแปลกๆราคาถูกๆ ส่วนคุณภาพไม่ต้องไปหวังมาก รู้ว่าซื้อทีก้อ "เจ็ดสิบบาท" แต่ที่นี่ราคานี้ข้างนอกไม่มีนะจ๊ะ เพราะของบางอย่างในร้านพวกนี้ข้างนอกก็มีเหมือนกันเลยแต่แพงกว่าปอนด์สองปอนด์เลยก็มีนะ

Shop2

Saturday, October 27, 2007

ลานเสก็ตใน London ไม่แน่ใจว่ามีอีกมั้ย แต่ที่รู้มีแค่นี้

STREATHAM ICE ARENA เพิ่งมีข่าวไฟไหม้ไปเมื่อไม่นานนี้เองอะ ไม่แน่ใจว่ามีเด็กตายด้วยมั้ยอ่ะ
386 Streatham High Road, London, SW16 6HT
[การเดินทาง: tube สุดสายสีดำ ไม่ก็สายสีฟ้าต่อบัส อยู่ทางใต้ของลอนดอนนะ โซนสอง]
MONDAY เปิดเวลาเดียว 10.30 - 4.00pm £6.00
TUESDAY มีสองรอบ 10.30 - 4.00pm กับ 8.00 - 10.30pm £6.00
WEDNESDAY มีสามรอบ 10.30 - 4.00pm ราคา £6.00 ส่วนรอบ 4.30 - 6.30pm กับรอบ 8.00 - 10.00pm £5.50
THURSDAY ก็เปิดสองรอบ 10.30 - 4.00pm กับ 8.00 - 10.30pm ทั้งสองรอบราคา £6.00 เท่ากัน
FRIDAY เปิดสามรอบ 10.30 - 4.00pm £6.00/6.00 - 8.00pm £5.50/8.30 - 11.30pm ตอนเย็นมี EVENING DISCO £6.30
SATURDAY 10.30 - 4.00pm £6.00 /6.00 - 8.00pm £5.50/8.30 - 11.30pm ก็มี DISCO £6.30
SUNDAY มีรอบเดียว 10.30 - 4.00pm £6.00

Lee Valley Ice Centre
Lee Valley Ice Centre, Lea Bridge Road, Leyton, London, E10 7QL
[การเดินทาง: tube ไปขึ้นที่ old street แล้วต่อบัส]
Monday: 11.00am - 3.30pm
Tuesday: 11.00am - 3.30pm/5.00pm - 7.00pm
Wednesday: 11.00am - 3.30pm
Thursday: 11.00am - 3.30pm/8.30pm - 10.30pm
Friday: 11.00am - 3.30pm/5.00pm - 7.00pm/8.30pm - 10.30pm
Saturday: 10.00am - 12.00pm/2.00pm - 4.00pm/8.30pm - 10.30pm
ราคาบัตร £6.20 นี่รวมรองเท้าแล้วนะ แต่ในใบที่เราไปหยิบมามัยมีราคารองเท้าเช่าอีกสองราคาเราก็เลยงงอะ สงสัยว่าจะเป็นรองเที่ค่อนข้างดีหน่อย แบบเอาไว้ใส่เรียนเสก็ตสำหรับคนที่ยังไม่ได้ซื้อรองเท้ารึเพิ่งเริ่มเรียน Standard Skate Hire: £1.30/Premier Skate Hire: £1.70
Alexandra Palace
Alexandra Palace Way, Wood Green, London, N22 7AY
[การเดินทาง: tube ที่ wood green แล้วต่อบ้สไป อยู่ทางเหนือ โซน3-4 ไม่แน่จัยอะ]
Monday to Friday: 11.00am - 1.30pm & 2.00pm - 5.30pm บัตรราคา £6.00
ส่วน Happy Hour จะแค่ชั่วโมงเดียว 4.30pm - 5.30pm ราคา£4.00
Saturday & Sunday: 10.30am - 12.30pm & 2.00pm - 4.30pm วันหยุดจะราคา £7.00 นะ
Evening Sessions Friday & Saturday Disco: 8.30pm -11.00pm £7.00
School Holiday Special: Skate All Day เมื่อไหร่อ่า...
Monday to Friday: 11.00am - 5.30pm £7.00
อ่อ ราคาที่นี่เค้ารวมรองเท้าแล้วนะ แต่เค้าๆม่มีส่วนลดราคานักเรียนนะ (จริงๆลานเสก็ตที่นี่ก็ไม่ลดให้นักเรียนทุกที่อ่ะจิ)
Queens Ice Rink
17 Queensway, Bayswater, London, W2 4QP
[การเดินทาง: ขึ้นที่ Queensway ก็ถึงเลยอะแหละ อยู่โซน1 นะ]
ที่นี่เปิดทุกวัน เวลา 10am - 11pm แต่สันเสาร์จะปิดเร็วขึ้นครึ่งชั่วโมง... ราคา £9.00 ถ้ารวมค่าเช่ารองเท้าก็เป็น 10 พอดีอะแหละ (แพงนรกเลย แต่เล่นยังไงก็ไม่คุ้มหรอกว่ะ เพราะคนส่วนมากจะอยู่ได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง เข้าใจตั้งราคาเนอะ ดูเหมือนจะคุ้มเลยแต่จริงๆเปลืองเงินสุดๆ บอกตรงๆ ไม่แนะนำที่นี่นะถ้าคิดว่าจะทนเล่นอยู่จนเกือบหมดรอบไม่ไหว)

Sorbell Ice Rink เว็บมันไม่ได้บอกว่ะ ว่าเปิดให้เล่นได้มั้ย กี่โมงบ้าง ราคาก็ไม่แน่ใจอะน่าจะแค่ สี่ปอนด์แต่ว่าก็เล่นได้แค่ชั่วโมงกว่าๆเองด้วยมั้ง เลยไม่เอาขึ้นให้นะ อยู่ประมาณโซนสอง นี่เฉพาะลานเสก็ตใน ลอนดอนนะ (เอามาจากเว็บเค้าเลย เหอๆๆ)

Metrosnow - welcome winter!!

งาน Event ที่แปลกในสายตาของเราคนเมืองร้อนคืองานแสดงสินค้าฤดูหนาว...
งานเหมือนงานแฟร์ Sponsor หลักๆ เลยก็มี Metro กับ Lastminute.com จัดวันที่ 24 – 28 ตุลาคม 2550 (October 2007) ที่ Olympia ก็นั่ง underground ไปขึ้นที่ Kensington (Olympia) อะแหละ บัตรเราได้ราคานักเรียนง่ะ 8 ปอนด์ เท่าที่ดู วันเสาร์อาทิตย์ไม่น่ามีราคานักเรียนนะ แล้วบัตรก็เอาซะสิบกว่าปอนด์เลยด้วย แพงมากๆ

งานเค้าเน้นขายสกีทริปกับอุปกรณ์กีฬาฤดูหนาว เสื้อผ้าใส่เล่นสกีอะไรแบบนี้ แล้วยังมีเทคโนโลยีแปลกๆ มาโชว์ด้วย แต่ต้องเป็นคนที่เล่นสกีหรือกีฬาพวกนี้อยู่แล้วนะ มีโชว์บ้างเหมือนกัน พวกนักกีฬาก็ไม่รู้ว่าดังมั้ยอะนะ มาโชว์การเล่นเล็กๆ น้อยๆ ให้ดู มีโชว์แกะสลักน้ำแข็งด้วย แต่เค้าแกะอันนิดเดียวนะ เหอๆ มีโชว์เคนโด้ด้วย อิอิ เหมือนโปรโมตประเทศญี่ปุ่นอะแหละ เหอๆ

ส่วนกิจกรรมที่เราไม่ได้แจมเข้าไปเล่นสักกะอย่าง ก็มีทั้งชิงโชคสกีทริป (เหมือนเป็นอะไรที่ตายตัวในการดึงคนเลยเนอะ) บูทของ EasyJet ไปเอาลานน้ำแข็งมาใส่เลย ขนาดย่อมน่ารักเชียว 10 x 10 เมตร กรูเลยไม่เล่นดีก่า (อุส่าแบกรองเท้าไป เฮ่อ..) ขนาดลานแค่นั้น แต่เราหมุนก็ครบรอบลานแล้ว เหอๆ เพราะหมุนไม่อยู่กับที่งัย อิอิ มีสอนพื้นฐานสกีกะสโนว์บอร์ดด้วย (ที่บอกว่าไม่ได้ลองไง) คิวยาวมากกกก มีปีนกำแพงน้ำแข็ง แต่งตัวแบบไปเล่นสกีแล้วถ่ายรูป เค้าตัดต่อให้เป็นว่าเหมือนไปมาจริงๆเลยล่ะ ออกแบบลายสโนว์บอร์ด ถ่ายรูปกับหมาไซบีเรียนฮัสกี้ ได้ข่าวว่าแถวบ้านเราที่เมืองไทยก้อมี (ถ่ายทำไมวะ ไม่ใช่หมาเราอ่า...)

ของแจกของแถมมีบ้างประปราย เอกสารท่องเที่ยวพวกสกีทริป แคตาล็อกสินค้าอุปกรณ์กีฬาบนหิมะ ถุงกะกระเป๋าผ้าเงี้ย... เอาขยะเข้าห้องอีกแล้วกรู... แต่ดูจากราคาของแล้วซื้ออะไรไม่ได้สักกะอย่าง ราคามันเริ่มที่หกสิบกว่าๆสำหรับพวกเสื้อกันหนาวอะ เอาแค่หมวกไหมพรมก็อึ้งไปแล้ว สิบห้าปอนด์ขึ้นอะ ดูแล้วแบบแน่ใจนะว่าลดราคาแล้ว!!

อยากลองเล่นสโนว์บอร์ดอะ แต่วันนั้นที่ไปคิวยาวมากๆๆ เลยไม่ได้ไปแจมอ่า ก้อแอบเสียดายว่ะที่ไม่ได้ลอง แต่อีกใจคิดว่าถ้าลองแล้วเกิดชอบขึ้นมา กรูจาไปหาที่ไหนเล่น!! แค่ลานเสก็ตน้ำแข็งก็หายากแล้วสำหรับเมืองร้อนแบบบ้านเราอะ เหมือนเราเกิดผิดที่ว่ะ เหอๆ ชอบกีฬาเมืองหนาวแต่อยู่ในเมืองร้อน อิอิ แต่เอาเหอะมันจะได้ไม่จำเจงัย มีอะไรแปลกๆให้ลองทำ เพราะถ้าเป็นคนเมืองหนาว เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติของเค้าว่ะ คงไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เหมือนเวลาที่เราไปงานนิทรรศการท่องเที่ยวอะแหละ มีแต่ทะเลกะภูเขา แล้วเราก็เบื่อไง แต่ฝรั่งเค้ากลับชอบเพราะไอ้ฟ้าๆเขียวๆแบบนี้บ้านเค้าไม่มีเท่าบ้านเรา

Monday, October 22, 2007

ไป British Museum

British Museum จัดว่าเป็น Highlight ของสถานที่ท่องเทียวใน London ชนิดที่ถ้าไม่ไปเหมือนกับว่ามาไม่ถึง London เดินวันเดียวยังไม่ทั่วเลย ช่วงที่ไป (เมื่อ 18 ก.ย. 2007) มีนิทรรศการหมุนเวียนเรื่อง The First Emperor เป็นนิทรรศการจากเมืองจีน แต่ค่าเข้าค่อนข้างแพง ขายแค่วันละ 500 ใบเท่านั้นและก็หมดเร็วทุกวันจนคนจะไปต้องจองล่วงหน้า แต่เพื่อนคนไต้หวันบอกว่าไปดูที่จีนก็ได้ถูกกว่าและมีตลอด ประมานนี้... แต่ส่วนที่เป็นนิทรรศการถาวรเข้าฟรีนะ ไปได้ตลอดเลย (ถ้าเปิด) ส่วนมากก็เปิดทุกวันเวลา 10.00-17.30 ถ่ายรูปได้ด้วยนะ ไม่เอากล้องไประวังจะเสียดาย วันที่เราไปมามีนักเรียนมานั่งวาดรูปด้วย ทำให้นึกถึงตอนที่เรียนวาดรูปที่ธรรมศาสตร์เลย แบบไปนั่งวาดกันที่พิพิธภัณฑ์ บางทีก็ถ่ายรูปกลับไปดราฟที่บ้าน (ซะงั้น!!) 

Saturday, October 06, 2007

Lee Valley Ice Center

ไปเล่นสเก็ตมาหลังจากหายหัวไปนานถึงสี่เดือนเต็ม (กว่าๆด้วย)... ระหว่างรอรองเท้าที่ขอให้ทางบ้านส่งตามมาทีหลังเนี่ย ทรมานสุดๆเลย แบบว่าเหมือนคนติดยาเลยว่ะ กินไม่ค่อยจะลง นอนก็ไม่ค่อนจะหลับ (แต่ก็เล่นไม่ค่อยได้เรื่องหรอก เหอๆ) เอาเป็นว่าไปมาเรียบร้อยแล้วล่ะ เลยเอารูปมาให้ดู

พอได้รองเท้ามาคราวนี้เครียดเรื่องว่าจะไปลานไหนดี เพราะลานที่ฮิตที่สุดนิยมที่สุด(ควีน)อะ ราคาสูงถึงเก้าปอนด์(ที่ยังไม่ได้รวมรองเท้าอีกหนึ่งปอนด์) แต่สามารถอยู่ได้ทั้งวัน (รวมแปดชั่วโมงครึ่งได้) แต่ใครมันจะอยู่ไหววะ ถ้าเป็นช่วงแข่งล่ะไม่แน่ แต่นี่หายหัวไปนานเท้าที่ไม่ได้ไปอัดอยู่ในรองเท้าเสก็ตมานานจะเจ็บขนาดไหนกันล่ะ ขนาดใส่อยู่ทุกวันยังเจ็บเลย เลยหาลานอื่น ซึ่งเราก็เจออีกสองลานที่ราคาค่าเล่นรวมกับค่าเดินทางแล้วแทบไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าลานที่ไปมาเนี่ย เราเคยไปสะเหร่อถามเรื่องงานพิเศษไง ถึงรู้ว่าอยู่ตรงไหน น่าเล่นมั้ย เลยลองไปเล่นดู เออ ลานสากพอๆกับที่สำโรงเลยขนาดเพิ่งเปิด (สิบเอ็ดโมง) แต่ดีกว่าตรงที่ว่าไม่มตะปุ่มตะป่ำ ไม่มีหลุม (แต่กรูก้อไปทำลานเค้าเป็นรูเบ้อเร่อจนได้ เหอๆๆ) ส่วนความแข็ง คิดว่าก็คงพอๆกันเพราะเอาก้นลงไปแล้วหลายรอบไม่ได้เจ็บมาก(ได้ยินมาว่าที่อเมริกาแข็งยังกะซีเมนต์)

สรุปว่า ไอ้ราคาที่เค้าเขียน หกปอนด์ยี่สิบอะ มันคือราคาที่รวมรองเท้าแล้ว (คาดว่ารองเท้าฮอกกี้พลาสติกนะ เพราะในใบปลิวมันมีค่ารองเท้าอีกสองราคา น่าจะเป็นรองเท้าแบบที่ใช้เล่นประเภทลีลา) เพราะเราจ่ายแค่ห้าปอนด์ยี่สิบ เออ สรุปว่าถูกสุด คิดดีแล้วว่ะ(ระดับนึง)ที่ไปที่นี่ (ถ้าคิดดีกว่านี้คงไม่เล่นให้เสียเงิน!!) แล้วก้อจริงอย่างที่คิดไว้ว่า รองเท้านี่งับใหญ่เลย (ประหนึ่งดังต่อว่าว่าทำไมไม่เอาชั้นมาด้วยตั้งแต่แรก ทิ้งกันทำไม!!) เล่นไปได้แค่สามชั่วโมง (กะอยู่ต่อจนหมดรอบประมาณบ่ายสามครึ่งแต่ไม่ไหว) ไอ้ชั่วโมงหลังเนี่ย ทรมานเท้าสุดๆเอาซิลิโคนรองจนไม่รู้จะรองยังไงแล้วเลยว่า เออ พอเหอะก่อนที่จะเดินไม่ได้ไปอีกเกือบสัปดาห์!! ระหว่างทางกลับหอก็หลับตลอดเลย... (ไม่ได้ต่างอะไรกับที่เมืองไทยที่ขึ้นรถไฟฟ้าได้ปุ๊บหาที่นั่งหลับทันที ตื่นอีกทีคือสถานีแถวบ้านเลย เหอๆ ยกเว้นตอนแข่งที่ซ้อมหนักแม้ว่าจะไม่ได้ดีขึ้นมากนักก็ตาม จนค่อนข้างชิน ไม่ได้เหนื่อยมาก - แบบ... กลับมานั่งเล่นเกมต่อง่ะ)
ถ้าถามว่าไปอีกมั้ย ไปแต่คงเว้นไปเลยระยะนึง แล้วก็จะไปเวลาที่ไม่มีคนแบบนี้ด้วย คนเยอะเล่นไม่ได้ แล้วก็จะอันตรายด้วยเวลาล้ม ใครจะมาเหยียบนิ้วก็ไม่รู้ วุ่นวาย ส่วนจะไปลานไหน ลานเดิมมั้ยเนี่ยคงคิดอีกที... แต่ไม่ไปแน่ๆคือ Queens Ice Rink ถ้าไม่มีเพื่อนไปแล้วอยู่กันจนหมดรอบ (แปดชั่วโมง)!! จำไว้ว่า สิบปอนด์! แต่ก็อย่างว่า ลานที่เราไปมันคือลานที่เค้าใช้เล่นกันค่อนข้างจริงจังกว่า Queens Ice Rink นะ เพราะที่ Queens เนี่ยมันจะออกแนว Entertain มากกว่า มีโบวลิ่งด้วย coffee shop ก็แบบเป็นที่นั่งจริงๆจังๆมาก เรียกว่าทำลานเพื่อธุรกิจ

ส่วนที่ Sorbell ไปมาแล้วเช่นกัน ที่นี่ไม่ได้มีเวลาให้คนนอกเข้าไปเล่นมากนัก ต่อให้สมาชิกก็เถอะ เปิดแบบฟรีไทม์แค่ไม่เกินสามชั่วโมงได้มั้ง ตารางเค้าติดที่ information อะ ง่ายๆคือถ้าไม่ลงเรียนก็ไม่ต้องเล่นอะไรประมาณนี้เลยว่าไปทำไมวะ

มีอีกลานที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควร อยู่โซนสองทางใต้นู่นเลย ไกลนรก!!(แต่ไปมั้ย... ไปแน่นอน ต้องลอง อิอิ แต่เมื่อไหร่ไม่รุ) เป็นเสก็ตติ้งคลับเลย ค่าเข้าหกปอนด์รวมรองเท้าแล้ว (อย่างเราจะเหลือห้าให้ได้มั้ยอ่าเนี่ย ขนรองเท้าไปทั้งที) เล่นได้ห้าชั่วโมงครึ่ง เปิดสิบโมง... แน่นอนว่าถ้าเราไป เราคงต้องออกตั้งแต่ไก่ (ยังไม่ทันจะ) โห่เพราะเล่นเดินทางข้ามโซนขนาดนั้น เพราะฉะนั้นสอนให้ได้ถ้าอยากให้สอน แต่ว่าบอกเลยว่าจะไปด้วยกัน ได้ แต่สาย... ไม่รอ!! เราไม่รู้ว่าวันไหนผีเข้า ถ้าผีเข้าขึ้นมาเนี่ย สนุกได้ทั้งวัน แบบ บ้าพลังขึ้นมาซะงั้น แล้วอีกวันก็ระบม ไหนๆจะไปต้องไปให้คุ้ม เอาตั้งแต่เปิดเลย ไปแล้วเล่นไม่ไหวว่ากันอีกที (ตอนที่ไปสำโรง วันที่ผีเข้าจะเป็นวันที่เรารู้สึกว่าได้เล่นน้อยที่สุดประจำ ถ้าตอนที่เป็นสมาชิก นี่เลย ผีเข้าใช่มะ งั้นอยู่ต่อ สรุปกลับบ้านเมื่อเค้าไล่... สามทุ่มสี่ทุ่มนู่น แต่ไปจริงๆก็ตั้งแต่ลานเปิดสิบโมงเช่นกัน เหอๆ)

หลังจากได้ไปโลดแล่น(และเจ็บตัวอีกนิดหน่อย)มาแล้ว คราวนี้ทำงานส่งได้สบายใจละ... ;)

Thursday, October 04, 2007

สรุปสามเมือง(ตงไหน)

Cambridge Oxford Windsor เป็นทริปเที่ยว 3 เมือง ใน 3 เดือนที่เรียนภาษาเตรียมเข้า ป.โท พอมาไล่ดูรูปแล้ว ทั้งสามเมืองเนี่ยแทบไม่ต่างกันเลย คือ เป็นเมืองเล็กๆ มีปราสาทใหญ่ๆ ที่เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมวยกเว้นที่ Oxford เพราะเป็นมหา'ลัย แล้วตอนที่ไปเป็นช่วงรับปริญญา ชุดครุยสวยมากกกก แต่ปราสาทที่เราเข้า คือปราสาทที่วินด์เซอร์ ค่าเข้าประมาณสิบสามปอนด์ โชคดีที่ว่าสวนข้างหลังที่จะเปิดแค่ปีละสองครั้งแล้วเปิดตอนที่เราไปกันพอดี งดงาม... อิอิ

ปล. ย้ายมาจากบล็อก Multiply เลยไม่มีรูปมาฝากแล้วอะ - -"

Wednesday, September 26, 2007

มา.. วันนี้จะพาไปดูห้อง...

วันนี้จาพาไปดูห้องพักในหอมหาลัยของ Middlesex ที่นี่คือ แพลตฮอลนะ เสือกอยู๋ชั้นหนึ่งเรย... แม่ง จะเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ก็ไม่ค่อยได้ เซ็ง ว่ะ แต่เอาเหอะ ได้อยู๋ตึกใหม่ด้วย เพิ่งเส็ดไม่นานเอง... อิอิ แต่ก้อ อย่างที่เห็นในรูปว่าสภาพออกมาเป็นไง อิอิ แหม จะสิงสถิตที่นี่ตั้งปีนึงก็ขออะไรที่ทำให้ตัวเองสบายใจติดรอบๆห้องซะหน่อยเหอะ จิงมะ... และนี่ก็เป็นไอเดียแต่งห้องของอีชั้นเองล่ะฮ่า มีปันยาเลียนแบบก็เอาสิ...

เมื่อวินยานนักออกแบบ (อาทๆ) มันหลุดออกมาก็เลยเป็นแบบเนี้ยแหละ แล้วถ้าเครียดมากๆ คงได้วาดรูปแปะเต็มห้องยิ่งกว่านี้... (โดยเฉพาะรูปที่สนองความต้องการของตัวเอง คือ เสก็ต ม้า และเสื้อผ้าอีกนิดหน่อย อิอิ) มาเรียนบิสิเนสง่ะ แต่ยังรักที่จะวาด รักที่จะคิดอะไรแปลกๆ (ให้มันรกห้องเล่น) อยู๋เสมอๆ ไม่ได้ค่ะ ตอนนี้รู้สึกฝีมือตกอีกแล้วว่ะ ไม่ได้วาดซะนานเลย...

Saturday, August 25, 2007

หายหัวไปนาน... งานเยอะอ่ะ อิอิ

ช่วงนี้ใกล้หมดช่วงภาษาแล้ว งานเยอะ จิงๆไม่เชิงเยอะอะ แต่เป็นงานหนักมากว่า เรียนทุกวันแล้วยังต้องรีบปั่นงานอีก นอนดึก-ตีสองตีสามประจำจนชิน แล้วยังเสียเงินปริ้นท์งานไปบานเรยยย เหอๆ... รีพอตนี่ล่อไปยี่สิบแปดหน้าเพื่อนแซวเรย มึงทำดิสเซอเทชั่นเรอะ เหอๆๆ ก็มันเป็นรีพอตอะ แบบสำรวจใส่กราฟใส่ตารางอะไรแบบนี้แล้วดันใส่ซะเยอะเลย (เนื้อหามีนิดเดียว-ไม่มีปันยาเขียนเยอะ เลยใช้รูปช่วยแทน อิอิ)

เปิดบล็อก...
  • หาที่โพสต์งานที่ทำส่ง กะว่าเผื่อมีใครสนใจบทความ (ที่เขียนเองบางทีก็อ่านไม่รู้เรื่องซะเอง) แล้วเอาไปเขียนอ้างอิง จะได้มีคนรู้จักกะเค้ามั่ง มั้ย?? 5555
  • ทำ Facebook ไว้ด้วย เพราะที่นี่ ตอนนี้เป็นที่นิยมมาก และคนที่นี่ไม่เล่น Hi5 หลังๆ ชักเริ่มมีแอพเสริมเยอะเกินเล่นจนเบื่อเหมือนกัน
  • ตอนนี้ multiply ที่โพสงานดีไซน์ไว้ก็ดันไม่ค่อยพอใจว่ะ มันแปกๆ ยังไงชอบกล เรียกว่าค่อนข้างจำกัดเอามากๆ เลยใช้ๆไปก่อน แต่คิดว่าเค้าคงจะค่อยๆพัฒนาให้อะแหละ

Thursday, July 26, 2007

เส็ดไปแล้วอีกงานหนักๆ.. (มั้ง)

นอนดึก ไม่สิเช้ามากกว่า มาสามคืน มะวานนี้ก็งีบไปนิดเดียว (นิดมาก แม่งทั้งคืนเลยว่ะเฮ้ย) กะว่าจะตื่นมาทำงานต่ออีกทีฟ้าสว่างแร้ว แถมนอนน้อยไปนิดเดียว ตื่นสายเลยปั่นการบ้านก่อนไปเรียนแทบไม่ทัน เอาอีกแล้วคืนนี้นี่นั่งอัพเว็บอยู่เนี่ย นอนไม่หลับว่ะ นั่งปั่นงานซ้า แต่ก็เอาจนเส็ดได้ละวะ ส่งไปแล้วเว่ย ถึงมานั่งอัพ ที่แน่ๆสมองจะชอบมาแล่นเอาตอนกลางคืน (แล้วไปน็อกเอาตอนกลางวัน ซึ่งกำลังเรียนหนังสืออยู่เป็นประจำ) ไอ้เราก็ดีใจว่าเฮ้ยมาถึงนี่ถ้าเวลามันต่างกันตั้งหกชั่วโมงสมองเราจะได้แล่นช่วงกลางวันมั่ง ที่ไหนได้กว่าจะสมองใช้การได้ก็หลังเที่ยงคืนประจำ อ่อ ห้ามงีบด้วยนะ ไม่งั้นได้พักยาวเลย เซ็งว่ะ เฮ้ย ใครมีสูตรทำให้นอนไม่หลับและไม่ง่วงตอนเรียนแล้วเรียนรู้เรื่องมั่งวะ (เพราะเรารู้ว่าบางคนไม่หลับแต่ก็เรียนไม่รู้เรื่อง) ขอหน่อยดิ๊... นี่เพิ่งเขียนรายงานเส็ดไป ได้มั้งหมด สองพันกว่าคำ จริงๆถ้าไม่นับอ้างอิงได้ไปแล้วพันแปด!! นี่ได้ข่าวว่ามาเรียนภาษา ยังไม่ได้ทำดิสเซอเทชั่นเลยนะเว้ย ทำเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอนเนี่ย แล้วถ้าเรียนโทจะสภาพแบบไหนวะ... ตอนนี้ได้ข่าว(ขู่)มาแว่วๆว่าถ้างานผิดเยอะ พรีเซนต์ไม่ดีก็เก็บของกลับบ้านใครบ้านมันไปเลย.. แป่ว!! คิดว่าจะเก็บของไว้ก่อนเลยดีมั้ยเนี่ย... อยากรู้จังว่าคนที่อยากเรียนต่อต่างประเทศมาอ่านที่เราโพสต์ไว้แบบนี้แล้วยังจะอยากมาอีกมั้ย...
ที่นี่มึงมามึงมีอิสระมากๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะพิสูจน์ว่ามึงโตพอแล้วและใช้ชีวิตเป็น คือการควบคุมตัวเองได้ว่าต้องทำอะไรตอนไหนและเมื่อไหร่ "ซักเซส"ในความหมายของตัวเองคืออะไร ทำให้ได้(แล้วไม่เดือดร้อนคนอื่น)

Sunday, July 22, 2007

ง่วงว้อย!!

ปั่นงานเขียนมาสามคืนแบบกว่าจะเข้านอนก็เอาซะ ตีสามตีสี่เข้าไปแล้ว มันมีสองแบบนะ คือเป็นรายงานมีชาร์ต มีตารางได้ด้วย จะเรียก รีพอต (report) แต่ถ้าเป็นงานเขียนที่คล้ายๆกับเล่าเรื่อง หรืออ้างหลักทฤษฎีจะเรียกเป็น เอสเส (essay) อันนี้จะไม่มีอะไรที่น่าสนใจนอกจากนั่งอ่านเอาอย่างเดียว... แล้วอาทิตย์นี้คือทั้งสองอย่างมันค่อนข้างมาใกล้เคียงกันด้วยแหละ เลยหนักไปนิด... เอาเหอะ แต่ก็หนุกดี... (มั้ย!?) แต่ละอันที่ต้องเขียนก็แค่พันคำเอ๊ง... (ไม่เยอะเลยเนอะ ง่วงแล้ววุ้ย ไปนอนก่อนนะ)

Tuesday, July 17, 2007

14 Jul 2007 = go to CAMDEN town

ต่อเน็ตได้แล้วที่จริงต่อได้ตั้งแต่วันศุกร์แล้วล่ะ เปิดทิ้งไว้ทังคืนเลยคืนนึงเต็มๆ แอบกลัวคอมพังเหมือนกัน วันเสาร์ไปเที่ยว(ออกได้ทุกวันหยุดเลยกรู) เพื่อนจะดูแฮรี่พอตเตอร์ แต่ไม่มีบัตร ISIC - เป็นบัตรนักเรียนต่างชาติ - ตั๋วจะราคา 9 ปอนด์เราเลยเออไปด้วย เค้าลดให้เฉพาะคนที่ถือไง เหลือ 6 ปอนด์ เลยไปเดินเล่นด้วยเลยแถวCamden Town โซนเนี้ยพังค์เยอะ มีเพื่อนไปมาก่อนก็บอกว่าเหมือนกับจตุจักรบ้านเรา พอเราไปเองก็เออว่ะ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงวะ แล้วไปหาสกูตเตอร์ด้วย ที่ Argos มันมีแบบถูกๆอยู่แต่ก็ชักไม่แน่ใจว่าเราจะใช้ได้ มันเป็นช็อบที่วางแต่แคตตาล็อก จะซื้อก็ต้องสั่งเอาแล้วเค้าจะไปเอามาให้ คือไม่เห็นของไง เลยไม่แน่ใจ เพราะที่อ่านดูมันสูง 77 เซ็น คิดว่าเตี้ยๆ เลยยังไม่กล้าซื้อมา แต่เห็นบอกว่าของพวกนี้ไม่พอใจคืนได้ แต่อังกิดเราก็ดี้ดี จะขอคืนของยังไงวะ เลยยังไม่อยากซื้อ ไว้ให้ชัวร์ๆก่อนดีกว่าว่าจะต้องใช้แน่ๆ คือกะรอได้งานก่อนด้วยล่ะ (ก็กันยานู่น) แล้วทีเดียวเลย ส่วนวันอาทิตย์ก็ไม่ได้ไปไหนนอกจากนั่งเล่นเน็ตทั้งวันเลยอยู่ในห้อง ตอนเย็นๆก็ไปทำอาหารกะเพื่อน เปิดคลาสใหม่มีอาทิตย์นึงหนังสือ (แค่ครอสภาษา) เล่มเบ้อเร่อเลย เฮ่อ... คงไม่ไปวิ่งหางานแล้วว่ะ (มั้ง) แต่ถ้าได้ก็ไม่แน่ว่ะ อิอิ

Thursday, July 12, 2007

ไดอารี่อินยูเค1


9 มิถุนายน 2550 = 9 June 2007: Tour in CT London
เดินหลงมั่งไม่หลงมั่งไปเรื่อยจากลานอะไรสักอย่าง ที่เดินไปแล้วไม่รู้ว่าเรียกว่าลานอะไร แต่รู้แค่ว่าเข้าไปนั่นหม่ำกัน ข้างหลังเป็น National Gallery แล้วเข้าไปเดินแถวๆ บักกิ้งแฮมพาเลซด้วย ทะลุไปออกอีกด้านเลย เดินต่อไปที่บิ๊กเบนกับลอนดอนอาย (ชิงช้าสวรรค์ของอังกิด)ได้อะแล้วก็แยกย้ายกันกลับ เพราะขาลากแล้ว!!

11 มิถุนายน 2550 = 11 June 2007: first day in class
เรียนวันแรก นึกว่าลงคลาสผิดประเทศ ยังกะอยู่เมืองจีน เข้าลาสมามีคนไทยอยู่ 2 คน ที่เหลือพูดจีนกันหมด...-_-“

16 มิถุนายน 2550 = 16 June 2007: go 2 Brigthton
ทางมหาลัยพาไปเที่ยวที่เมือง Brigton เมืองริมทะเลที่หาดเป็นกรวดและดูเป็นอังกี้ดอังกิด ไปเจองานแต่งงานด้วย เราก็ยืนรอดูเจ้าสวา ที่ไหนได้ ออกมาเป็นคู่เกย์ ดีนะที่คนนึงไม่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวอะ...

21 มิถุนายน 2550 = 21 June 2007: quite Happy
วันนี้มีฟรีขนมกะกาแฟแต่อารมณ์แบบง่วงและขี้เกียจลงเลยไม่ได้กิน... ทั้งชาทั้งกาแฟขม... เรากินแต่ชา กาแฟเราไม่ได้กินหรอกนะแต่เพื่อนที่กินกาแฟบอกอะ พักเที่ยงเอาอาหารไปกินเอง เพราะเริ่มจนแร้ว เลยนั่งเล่นเน็ตซ้า... หลังเลิกเรียนก็นั่งเล่นอยู่แป็บนึง วันนี้เค้ามีงานอะไรอีกแล้วก็ไม่รุ เค้าเลยมาไล่ แต่เราก็แอบสมัครงานฟรีแลนซ์ไปแล้วสองสามที่ เป็นพวกกราฟฟิกอะ... ลองดู... แต่เราอยากโค้ชเสก็ตมากกว่าอ่า... เฮ่อมะไหร่เค้าจาโทมาให้เราเริ่มงานซะทีนะ... ตอนนั่งเล่นเค้าเก็บโต๊ะไปหมดเลย แล้วมันมีที่นั่งยาวๆอยู่ด้านขวาเลยไปนั่งเล่นกันเป็นแถบเอาอมวางบนที่พิงมันเป็นคล้ายๆกำแพงอะ Wayne คนที่สอนคลาส Postgrad ผ่านมาจะกลับบ้านเห็นนั่งกันเป็นแถบเลยเอามือถือมาถ่ายรูปไว้ เหอๆๆ แล้วมาไล่เลยกลับบ้านดีกว่า...

30 มิถุนายน 2550 = 30 June 2007: (window) shopping day + Gay parade
ไปเที่ยวที่ Oxford Street แบบกะว่าจะไป London Bridge แต่ฝนตกแบบน่ารำคาญมากๆ ตกๆหยุดๆ แล้วยังมีขบวนพาเหรดคนผิดเพศอีกตะหาก... แหมอยากแจมจัง อิอิ... ขบวนโคตร... ยาวเลย บังเอิญเอากล้องไปเลยได้รูปมาแล้วจะเอาขึ้นให้ดู...
ส่วนงาน กรูส่งไปก็เงียบซ้าทุกที่เรยว่ะเฮ้ย... เอาเถอะ ถ้าไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ ไว้สมัครใหม่ก็ได้นี่นา... แล้วการบ้านก็นับวันจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เอาวะ ถ้าแค่นี้หนักแล้วจะมาเรียนทำหอยอะไร...

7 กรกฎาคม 2550 = 7 July 2007: Shopping Day w new friends
ไปช็อปแถวๆ Oxford Street มา แบบเดินกันขาลาก? เราแวะเข้าไปบ้านน้า เอาเงินกับขนมไปให้ แล้วไปดูเค้าแข่ง Tour de France in London มา ทีแรกเราก็งง ว่าแข่งกันเสร็จแล้วเหรอตรารางมันบอก บ่ายสามถึง หกโมงยี่สิบไม่ใช่เหรอ เราก็ดูๆสักพักแหละ เห็นไม่มีอะไรเลยเดินกลับมาดูตารางรายชื่อนักกีฬา มันแข่งแบบว่า ตามคิวของใครเริ่มเวลาเท่าไหร่ คือวัดกันทีละคนเลยอะ นักกีฬาก็ค่อยๆมา บางคนก็มีนักข่าวรุมสัมภาษณ์ บางคนก็มาวอร์มอัพไงเราถึงงง พอมาดูบอร์ดถึงเข้าใจอะ วันนี้เป็นรอบจับเวลาพรุ่งนี้มีอีกวัน แข่งจริงเริ่มแถวๆ Trafalgar Square ถึง Greenwich แล้วจุดเริ่มจริงๆอยู่ที่ Greenwich นะ ถ้าจะไปดูคงต้องไปแต่เช้าเลยล่ะ อยากไปดูจังเลย แบบว่ามีโอกาสแล้วก็อยากอะนะ มันเป็นทัวร์นาเม้นใหญ่ด้วย...

8 กรกฎาคม 2550 = 8 July 2007: go for Tour de France (in London)
เดินออกจากหอไปตั้งแต่หกโมงครึ่งไปรอดูแข่งจักรยานรายการใหญ่ Tour de France ปีนี้จัดที่ลอนดอน เริ่มจาก Greenwich ไปเมือง Canterbury เราก็ไปรอดูที่จุดเริ่มแม่งเลย จริงๆใจนึงก็ไม่อยากไป อีกใจก็เฮ้ยรายการเนี้ยไม่ได้หาดูง่ายๆนะ เลยเออไปซะหน่อย ที่จริงขบวนคาราวานโปรโมตน่ะเริ่มแปดโมงครึ่ง แล้วปล่อยตัวนักกีฬาน่ะเกือบๆสิบโมงครึ่งเลย แต่เราก็ไปรอเพราะเดี๋ยวจะไม่มีที่ ไปก็ได้ของแถมมาด้วย อิอิ จริงๆเค้าแจกให้เอาไว้เชียร์อะ แต่ไม่อยากแกะห่อเลยเก็บไว้ แล้วไปดูลานเสก็ตแถวๆ Liverpool Street ปากดว่าเป็นลานแบบจะเปิดเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น เออแลวไว้จะมาสมัครนะ อิอิ ไปยากกลับยาก (by bus นะ ขึ้นจนเป็นวันเดย์แล้วไงเลยไม่อยากนั่งใต้ดิน) หลงไปเล็กๆน้อยๆ แบบถ้าเราไม่พกแผนที่ติดตัวนี่ไปไหนไม่ได้เลยว่ะ ก็เอาซะขาลากพอสมควร
กลับหอมาทำอาหารด้วย แบบกินพอได้ (มั้ย!!) ก็แชร์กันทำ ฮาๆดีด้วยว่ะ (จริงๆคือเกือบจะกินไม่ได้อยู่แล้ว) เตาที่หอมันร้อนช้ามากๆๆ แบบคราวหน้าถ้าจะทำก็ต้องรอต่อคนอื่นไม่ก็ เปิดไว้ก่อนทำเลยสักชั่วโมงนึงนู่น (จะเปิดไว้แล้วไปซื้อของก็เกรงจาย... ไม่คนอื่นมาใช้แทนก็ไฟไหม้สักอย่างแหละวะ) กว่าจะได้กินข้าวเย็นกันเลยล่อเข้าไปสองทุ่มเกือบสามทุ่ม (จริงๆมันต้องเรียกมื้อดึกช่ายป่ะ แต่ประมานว่ามื้อเย็นไปหาพิซซ่ากินก็เส็ดไปนานแล้ว ดันเสร่อทำกับข้าวซะงั้น) มื้อนี้เลยมีข้าวกับผัดผักรวม(แต่สองสามอย่าง) แพนเค้ก (ไข่เจียว) และปิดท้ายด้วยเกี๊ยวซ่าหวาน (ขนมอะไรซักอย่างที่ซื้อมาผิดด้วยความหิวนึกว่าเป็นเกี๊ยวซ่าแต่เป็นแป้งห่อครีมปั้นเป็นรูปเหมือนกับเกี๊ยวซ่าเด๊ะๆ) อร่อยนรก... แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี (มั้ย) เอาเหอะคราวหน้าคงอีกนานเลยกว่าจะได้ทำกับข้าวแบบนี้ว่ะ เหอๆ

9 กรกฎาคม 2550 = 9 July 2007: change (2 specific) class
วันแรกที่จัดคลาสใหม่ เหมือนว่าจะอยู่คลาสนี้จนจบเดือนสิงหาเลยว่ะ สอบปลายเดือนสิงหาพอดีไง ส่วนคนใหม่ที่จะมาเพิ่มก็เข้าคลาสที่มีอยู่แล้วไปเลยประมาณนั้น เรียนคร์อสภาษาแบบเจาะด้านแล้ว เค้าถึงแบ่งไง มีอาร์ตกับแนวๆสังคมอย่างละห้อง อีกสี่ห้องเป็นพวกที่เรียนบิสิเนส จารย์ขู่เหมือนกันว่างานเยอะ... แต่เรากลับรู้สึกว่าเราก็ยังสามารถหาเวลาไปแรดได้ โดยเฉพาะเพื่อเสก็ตน้ำแข็งว่ะ เลยคิดว่ารอจนใกล้ๆจบคร์อสภาษาก่อนดีมั้ยแล้วค่อยของรองเท้าเสก็ต แต่สมัครงานที่ Alexandra Palace คงไปก่อนเลยเพราะกันยาเค้าจะแข่งแล้วเผื่อได้งานประมาณว่าไปช่วยเค้าอะไรแบบนี้ ไม่ได้ก็ไว้ตอนตุลาค่อยเอาเลยเพราะเข้าหน้าหนาวแล้วได้เล่นแน่ๆ (แต่จะแบกไปลานไหนและไปยังไงเนี่ยดิ)
และในที่สุดก็ย้ายห้องที่หอแล้ว ดีจายๆ อืมคราวนี้ครีเอทอย่างไรให้น่าอยู่ (และกลายเป็นจ็อบพิเศษประจำหอไปเลย อิอิ) โดยเฉพาะของแถม ของแจก ของฟรี เอามาแต่งห้องยังไงให้ดูไม่เป็นที่เก็บขยะ!!~ จะได้ไม่ต้องกังวลตอนที่จะทิ้งข้าวทิ้งของก่อนเดินทางกลับเมืองไทยไง


โทดทีหายหัวไปหลายวันเลยมาอัพเยอะหน่อย อิอิ

Friday, June 22, 2007

วันแรกที่ Middlesex University

7 มิถุนายน 2550 [7 June 2007] วันแรกที่ Middlesex University และเดินทัวร์กันเอง
ย้อนกลับไปบนเครื่องบินซักหน่อย...
ที่นั่งริมหน้าต่าง ยังแอบคิดอยู่เลยว่าถ้าฝรั่งมานั่ง แล้วกุจะไปฉี่ยังไง?? โชคดีที่เป็นคนไทย แถมไปเรียน U เดียวกันด้วย เลยได้รู้จัก และจับกลุ่มกันทันที 555
เช้าที่สถานีรถไฟใต้ดิน จากสถานี Warren Street (ที่พักระหว่างที่หอของมหาวิทยาลัยยังไม่เปิดให้เข้าไปอยู่) ไป Hendon Central ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุดแล้ว สองสถานีนี้มีทางออกแค่ทางเดียว ไปเกือบสายแน่ะ... ทางมหาลัยต้อนรับดีนะ (คงรู้ว่ากรูโง่ไง เลยต้องมาเร็ว เหอๆๆ) นัดเจอกันที่ห้อง C114 ฟังเค้าพูดแนะนำมหาลัยกะสวัสดิการอะไรแบบนี้อะ เสร็จประมาณบ่ายสองครึ่งได้
บอกจะพาทัวร์แต่ว่าที่นักศึกษาบางส่วนออกไปหมดแล้วแถมคนพาทัวร์ก็ไม่ได้ออกมาด้วย สรุปว่าไปกันเอง เดินไปถ่ายรูปกันไป แบบบ้านนอกเข้ากรุง ทั้งบ้านแปลกๆ (ในสายตาเราอะ) ดอกกุหลาบบานๆ ซึ่งก็บ๊าน บาน ไม่รู้ว่าจะบานไปไหน ใหญ่ด้วย เข้าร้านขายของหาอะไรทาน ก็มีพวกขนมตักด้วย น่ารักดีแต่แอบแพงสำหรับคนไทยอย่างเรา ราคา 69p ต่อ 100g แล้วก็กลับไปขึ้นรถไฟใต้ดินที่ Kingsbury ที่นั่งในรถไฟแปลกดีมันเหมือนรถไฟไปต่างจังหวัด แอบไปยื่นเอ๋อที่ Euston เพราะทางไปสายอื่นเยอะ เดินไม่ถูก คนอังกิดก็น่ารักดีนะ เห็นยืนงงๆ พอบอกสถานที่ เค้าก็จิ้มๆ ให้ดูว่าสายไหนไปไหน (เหมือนจะรู้ว่า ตู ฟัง ไม่ ออก!!) หมดค่าเดินทางไป 3 ปอนด์...

Flying2London,UK

เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่เดินทางไกลไปต่างแดนคนเดียว กว่าจะได้ไปก็ทะเลาะกับที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นคนที่แทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วไปเรียนต่อโท!! ก็เรียนมันเน้นอ่านไม่ใช่หรอ?? ไม่มีปัญหานี่ อ่านได้ เขียนได้ ก็แล้วกัน ฟังไม่ได้ก็ให้เขียนเอา พูดไม่ได้ก็เขียนให้เค้าอ่านแทนดิ!!!

บินด้วยสายการบินไทยในยุคที่ไม่ค่อยจะยอมพัฒนาเครื่องให้ทันสมัยเกมือนสายการบินอื่นเท่าไหร่ แต่ก็โชคดีได้เครื่องที่มีจอหน้าที่นั่งบอกรายละเอียดการเดินทาง พอเครื่องออกแล้ว กะว่าจะไม่หลับซะหน่อย แต่เราก็ได้หลับบนเครื่องจนได้ (กระดกไวน์แดงไป 2 แก้ว!!) เล่นปิดไฟให้นอนเลยนี่นา หลับๆ ตื่นๆ จนได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกลางท้องฟ้า  ถ่ายรูปเล่นแก้เบื่อไปเรื่อยจนถึง London Heathrow Airport