Wednesday, January 19, 2011

สิ่งที่คิด...

ประเด็นแรก... เฟสบุค...
จากข่าวที่มีคนโพสบนเฟสบุคว่า ภายในวันที่ 15 มีนาคม 2011 ผู้ใช้ต้องเอาทุกอย่างออกจากระบบถ้าอยากเก็บไว้ เพราะทีมงานเฟสบุคจะล้างทั้งระบบ... งานนี้มีทั้งคนดีใจและเสียใจแน่นอน เรื่องนั้นขอไม่พูดถึงนะ แต่จะถามว่า...
แล้วระบบแบบเดียวกันในชื่ออื่นๆล่ะ จะอยู่กับเราไปได้นานแค่ไหน??

จาก http://www.blognone.com/news/18712 ที่หัวเรื่องมันคือ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊คนั้นตาบอดสี ที่ความจริงเผิดเผยเพราะการสร้างหนังเรื่อง The Social Network แต่ไม่ได้จะพูดถึงอันนี้ เพราะที่สำคัญกว่าคือ "Mark ไม่สนใจเงินถึงกับขนาดที่ว่า Terry Semel ซีอีโอของยาฮูเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยเห็นใครตอบปฏิเสธข้อเสนอมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์มาก่อน..." นอกเหนือจากนี้ไปอ่านเอาเองนะ

สิ่งที่คิดคือ อย่างน้อยก็พอจะทำให้ดีใจขึ้นมาบ้าง ว่ายังมีมหาเศรษฐีอีกคนบนโลกที่ไม่ได้นับถือ "เงิน" เป็น "พระเจ้า"!!!

ประเด็นที่สอง... หิว...
เรื่องมาจากว่า ไปเดินหาของกินเพราะอดอยากจากมื้อหลางวันเพราะงานยุ่งจนไม่ได้กิน เลยกะรวบทีเดียว และทนหิว หิ้วท้องกลับบ้านไปกินคงไม่ไหว เลยแวะเข้าร้านริมทางร้านนึง เพราะเห็นเมนูหน้าร้านว่ามี "ยำสามกรอบ"เปิดเมนูปุ๊บ ลุกปั๊บเลย... ยำสามกรอบตอนที่ไปเดินเล่นที่แพลทตินัมราคาเจ็ดสิบ แปดสับ ยังว่าแพงแล้วเลย นี่อะไร ยำสามกรอบราคา สองร้อยขึ้น... ไม่ทราบว่า ไปเอา เนื้อหอยไข่มุก กุ้งอะลาสก้า ปลาแซลมอน กระเพาะปิรันย่า มาทำยำรึงัยยะ จากร้านริมทางเลยเดินเข้าเอสแอนด์พีที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ดีกว่า ร้อยกว่าๆ ได้ทั้งข้าวทั้งน้ำ...

ว่าไปนี่กะเอารวยเลยทีเดียวเนอะ... ร้านค้าอาหารริมทางเป็นอีกธุรกิจที่ทำเงินได้ดี ร้านไม่ต้องหรูมาก แค่เปิดขายเรื่อยๆ อาหารอร่อย และถ้าถูกด้วย มีหรือใครจะไม่กินบ่อยๆ แต่ถ้ามาราคาแบบนี้... เข้าร้านหรูๆไปเลยดีกว่ามั้ย???

Thursday, January 13, 2011

เพ้อไร้สาระ

13.01.2011

ผลการวิจัยที่ออกมาไม่ประสบผลสำเร็จไม่ได้หมายถึงว่างานวิจัยชิ้นนั้นไม่ดี และงานวิจัยที่สมบูรณ์คือการนำผลจากงานวิจัยที่ดี (หมายถึงทั้งงานวิจัยที่ได้ผลและไม่ได้ผล) มาพัฒนาและปรับปรุง

แต่... งานวิจัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดจะเกิดเมื่อ...

- มนุษย์สามารถหยุดความต้องการของตัวเองได้ และรู้จักคำว่าพอเพียง รวมทั้งการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่วงจรชีวิตในธรรมชาติของโลกกำหนดให้

- เมื่อการพัฒนาอะไรมาแล้วผลที่ได้มีแต่แย่ลง ผลการวิจัยที่ได้ผลน่าพอใจที่สุดจะกลายเป็นงานวิจัยที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานที่เก่าแค่ไหนก็ตาม

.

.

.

.

เพ้อไร้สาระอีกแล้ว... ขนาดยังไม่ได้เป็นหัวหน้าโครงการวิจัยซะเองนะเนี่ย!!!

Friday, January 07, 2011

หัวข้อวิจัยไร้สาระที่อยากให้มีมากๆในงานประุชุมวิชาการ

  • ทำงานวิจัยอย่างไรให้ได้กำไร
  • เขียนบล็อกอย่างไรให้คนเข้ามาโหวตเยอะๆ (แต่สาระช่างมัน?!?)
  • วัฒนธรรมในองค์กร กับค่านิยมในองค์กร มีความแตกต่างกันอย่างไร กรณีศึกษา-สถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
  • ปัจจัยและที่มาของความอยุติธรรมในสังคมไทย จะสร้างวิธีการรับมืออย่างไร ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขได้
ถ้าหัวข้อพวกนี้มาอยู่ในการประชุมวิชาการคงแปลกดีนะ... ส่วนข้ออืื่นถ้านึกได้จะมาใส่อีก 555 ที่เกิดคำถามสองอย่างนี้เพราะรู้สึกว่า ข้อแรกทำไปทำไมถ้าได้ค่าตอบแทนมาไม่คุ้ม นักวิจัยก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกัน นักวิจัยเน้นงานด้านการศึกษาก็จริงอยู่ แต่นักวิจัยก็ต้องกินต้องใ้ช้เหมือนกันนี่หว่า

ส่วนข้อที่สองมาจากการโหวตของ Thailand Blog Awards 2010 เนี่ยล่ะ... กับความข้องใจว่า เว็บที่มีสาระจริงๆแต่ไม่มีคนเข้ามาโหวตให้ ใครจะให้รางวัลบ้าง แบบนี้คนเขียนเนื้อหาสาระก็หมดกำลังใจเป็นนะ

ข้อที่มสาม โนดีเทลแอนด์คอมเม้นท์!!! แต่มีเรื่องอยากบ่นมากมาย แต่ไม่รู้จะบ่นไปทำไมให้ตัวเองดูไม่ดี...

คาดว่าหัวข้อพวกนี้น่าจะเหมาะสำหรับนักวิจัยที่อยากอายุสั้น!!!

ที่แน่ๆคนอย่างชั้นไม่อยากจะเรียกตัวเองว่านักวิจัย ถ้าไม่ใช่งานวิจัยที่เปลี่ยนค่านิยมและสังคมให้มันดีขึ้นได้ภายในระยะเวลา ไม่เกินสองปีนับจากการเผยแพร่ผลงาน แต่คาดว่าถ้าทำแนวที่ว่านี่คงจะโดนขัดขวางตั้งแต่เสนอหัวข้อไปแล้ว เพราะนี่คือสังคมไทย!!!

อ่อ ที่มาของเอ็นทรี่นี้คือ... ใกล้ช่วงที่มีประชุมวิชาการใหญ่อีกแล้วล่ะ ชอบไปนั่งหลับ รับของฟรี เอิ่ม... ฟังหรอกย่ะ แต่มักจะเกิดความคิดและคำถามประหลาดๆที่ขัดหูขัดตาบุคคลในสายการศึกษาหลายๆ ทั่นเอามากๆ ปีที่แล้วเน้นงานเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ปีนี้ดีใจที่เน้นด้านการเกษตรมากขึ้นแม้ว่าจะฟังแทบไม่ได้สักเรื่องก็ตาม อย่างน้อย ยังมีคนสำนึกรักบ้านเกิดได้ว่าเรายังเป็นประเทศเกษตรกรรม ไม่มีคนทำสวนทำไร่แล้วจะเอาอะไรกิน!!!


PS: ปรับจากที่เคยโพสไว้ใน mystery88.exteen.com เมื่อวันที่ 8 Aug 2010 [Deleted Already]

เรียนจากหลักสูตร VS การศึกษาด้วยตัวเอง

ช่วงนี้แทบจะไม่ค่อยได้อัพเรื่องภาษาเลย เผลอๆอาจจะดองทิ้งร้างไปเลยล่ะมั้ง (เพราะตัวคนอัพเดทยังไม่มีปัญญาจะจำให้มันเข้าหัวได้ภายในเวลาแค่สัปดาห์ เดียวน่ะสิ เหอๆ) แต่อีกเรื่องที่กำลังรู้สึกว่าน่าจะเอามาอัพให้อ่านกันคือเรื่องของกีฬา...

ปัญหามีแค่ว่า หลายคนคงจะไม่เชื่อถือคนที่ชอบและศึกษาเจาะลึกในสิ่งที่ไม่ใช่สายที่ตัวเอง เรียนมา จะให้เรียนปริญญาสองใบมันก็ใช่เรื่องอยู่ จะเข้าได้รึเปล่าก่อนดีกว่าเหอะ เพราะสิ่งที่เราชอบมันเป็นวิชาของสายวิทย์ ในขณะที่เราเองจบมาจากสายภาษาในรุ่นที่ไม่มีเรียนเลขแม้แต่ตัวเดียว และภาษา (อย่างที่บอก) ที่กว่าจะท่อง กว่าจะจำได้แต่ละตัวทำเอาเหนื่อยใจ ไม่งั้นคงเก่งไปแล้ว

ส่วนของสายที่เรียนมา ด้วยความหมั่นไส้ที่โดนคนที่ไม่ได้จบสายนี้มาแย่งงานกันประจำ โดยเฉพาะพวกดาราทั้งหลายที่อาศัยว่าตัวเองทำอาชีพที่ได้เงินเยอะ และความมีชื่อเสียงมาเรียกลูกค้าไปหมด เลยไม่มีกำลังใจจะศึกษาด้านที่ตัวเองเรียนมาอย่างจริงจังเท่าไหร่นัก แล้วมันดันมีคนทำออกมาเกลื่อนตลาดจนไม่รู้ว่าตำราไหนเชื่อถือได้ ไม่ได้ แล้วอะไรที่เป็นออริจินัล อะไรคืออันที่ขัดกับทฤษฎีเก่าบ้าง จะมานั่งอ่านหมดมันก็ไม่ใช่เรื่องหรอกนะ เราเองก็ดันอ่านหนังสือก็ช้าอีก เลยหันเปลี่ยนทิศมาทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ค่อยสนใจกันนัก แต่ดูท่าจะเริ่มมีคนสนใจเยอะขึ้นแล้วล่ะ แล้วเราจะโดนแย่งอีกมั้ยล่ะเนี่ย...

PS: from mystery88.exteen.com on 12 Sep 2009 & 27 Jun 2010 [Deleted Already]

สมการการจับคู่

ไม่ได้บวกเลขผิด และไม่มีอะไรจะอธิบาย ตัวย่อใช้แค่สองกลุ่มคือตัวอักษร F = Female และ M = Male กับกลุ่มตัวเลข คือคนที่ 1 กับคนที่ 2 แค่นั้นแหละ ที่เหลือไปตีความเอาเอง...

1 + 1 = 1

F1 + M1 >> F1 + M1

1 + 1 = 2

F1 + M1 >> F1, M1 (พวกกรูทะเลาะกันอยู่...)

2 + 2 = 3

F1 + M1, F2 + M2 (พวกมีของตัวเองแล้ว แต่ไม่พอใจ) // F1 + M1 + F2, M2 (พวกอยากได้ของคนอื่น หรือพวกโดนแย่งมาจะแย่งกลับ)

>> F1 + M1 & M2 // F2 + M1 & M2 // M1 + F1 & F2 // M2 + F1 & F2

>> M1 + F1 & M2 // M1 + F2 & M2 // M2 + F1 & M1 // M2 + F2 & M1

>> F1 + F2 & M1 // F1 + F2 & M2 // F2 + F1 & M1 // F2 + F1 & M2

2 + 2 = 2

F1 + M1, F2 + M2 (กรณี "ประนีประนอม" แล้ว...)

>> M1 + F2, M2 + F1 // M1 + M2, F1 + F2


PS: from mystery88.exteen.com on 12 Aug 2009 [Deleted Already]

Tuesday, January 04, 2011

ของใหม่ของคนตกยุค (ชั่วขณะ) รึเปล่า??


อยากเห็นอะไรแปลกๆใหม่ๆในปีนี้บ้าง... แต่ไม่รู้ว่าไอ้ที่อยากจะเห็นมันมีไปแล้วรึยัง

หมวด หนังสือ

๑. ช่องทางทำมาหากิน รวมเล่มชุดที่ ๗

เห็นเล่มนี้ ไอ้เราก็ดีใจ นึกว่าเออ จะสรุปเฉพาะบทความแนวทางทำธุรกิจ ที่ไหนได้... เอามาทั้งเล่มเลย เรียกว่าถ้าใครซื้อประจำอยู่แล้วไปซื้อฉบับรวมมาอีกนี่ เสียดายเงินเลยล่ะ จะว่าไปแล้วเค้าก็พูดถูกนะว่ารวมเล่ม - -“ ไม่ได้เขียนว่ารวมแนวทางหรือไอเดียธุรกิจ

ว่าแต่... มันไม่มีแนวทางทำธุรกิจที่ไม่ต้องผลิตสินค้า ไปหาสินค้า เป็นตัวแทนจำหน่ายหรือหาลูกค้าให้บริษัทแม่บ้างมั้ยวะเนี่ย... เอาชัดๆคือช่องทางทำธุรกิจ(บริการ)แปลกๆ อย่างพวกไทยทิกเก็ต บริษัทออกาไนเซอร์งี้ บริษัทจัดหานายแบนางแบบ รับจัดหาคู่ทำนองนี้ แต่เสนอแนวทางลงทุนแบบที่ไม่ต้องลงทุนสูงน่ะมีมั้ย (คาดว่าที่ว่าเค้าไม่ทำ เพราะมันเป็นธุรกิจใช้ทุนสูง แต่มันก็น่าจะมีวิธีประยุกต์ให้เหมาะกับชาวบ้านได้นี่หว่า อย่างพวกต่างจังหวัด ทำไมจะทำอีเวนต์ในส่วนตำบลไม่ได้?? ไอ้ทุนสูงน่ะ เพราะในเมืองหรอกย่ะ กับอีกเหตุผลคือ เป้าหมายเค้าคือการเน้นโฆษณาขายตรง และการสร้างรายได้ให้ภูมิปัญญาท้องถิ่น... แต่ไอ้ธุรกิจแปลกๆที่ว่าเราก็อยากได้อยู่ ออกเป็นฉบับพิเศษก็ยังดี หรือมันจะไปอยู่ในพวกกรณีศึกษาเชิงวิชาการที่ชาวบ้านไม่อ่านกันวะเนี่ยยย ไม่รู้จะเขียนให้อ่านยากๆ ให้ชาวบ้านอ่านเป็นแนวทางไม่ได้ไปทำไม)

๒. หนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว และที่พักสำหรับครอบครัวมีสัตว์เลี้ยง

กำลังหาเวอร์ชั่นรวมแหล่งท่องเที่ยวและที่พักสำหรับครอบครัวที่มีสัตว์ เลี้ยง และรองรับได้ตั้งแต่ขนาดเล็กอย่างหนูแฮมส์เตอร์ถึงขนาดใหญ่อย่างลาบราดอร์ รึตัวประหลาดอยางอีน่ากัวทำนองนี้ (หวังว่าคงจะไม่มีใครคิดจะพางูจงอาง หรือจระเข้ไปเที่ยวนะ) และไม่รังเกียจหมาไทยแท้ดั้งเดิม (ที่ขึ้นชื่อว่าซื่อสัตย์ที่สุด แต่ดันโดนให้เฝ้าบ้าน แล้วเอาม๋าฝรั่งไปเที่ยวแทน มันยู้ดดติทำแร้วหรือสำหรับน้องม๋าตัวน้อยๆผู้น่ารัก) หมาก็อยากเปิดหูเปิดตาเหมือนกันนาเฟ้ยยยย...

อ่อ อยากให้มีห้างที่พาสุนัขไปเดินเลือกซื้อของเองได้ โดยเฉพาะร้านหรือแผนกของเล่น เผื่อว่าหมา(บางตัว)อยากเลือกของเล่นเอง(มั้ง).... แล้วสะดวกเจ้าของด้วยเวลาที่จะซื้อเสื้อผ้าให้น้องม๋า อย่างน้อยก็ได้ลองเลยว่าใส่ได้มั้ยไม่ต้องซื้อมาแล้วขายต่อคนอื่น หรือวิ่งกลับเอาไปเปลี่ยน

ส่วนที่มาของเรื่องนี้คือ.... ไปจ่ายเงินค่าสอบภาษาอังกฤษ แล้วมีแม่พาลูกมาด้วย (น่าจะลูกชายนะ) ดูแล้ววุ่นวายน่ารักดี แกไม่งอแงนะ แต่ป้วนเปี้ยนเหมือนจะรำคาญว่าแม่ทำอะไรนานจัง เกี่ยวอะไรกับแม่ลูก ใช่ป่ะ??? เกี่ยว... ตรงที่น้องม๋าที่บ้านเราเลี้ยงจนมันคิดว่ามันเป็นคนแล้ว และมันก็เหมือนเด็กจริงๆ ชอบเถียง ชอบบ่น โวยวายเวลาไม่ได้ดังใจ (เคยเห็นม๋าไม่ได้ดังใจมั้ยล่ะ ไม่ต่างกับเด็ก-นิสัยไม่ดี-เลยล่ะ) บางทีก็อยากพาเค้าไปเที่ยวที่อื่นที่ไม่ใช่แค่บริเวณบ้าน และพื้นที่ใกล้เคียงบ้าง ก็เท่านั้น (จริงๆ.. นะ.. จ๊ะ)

แต่งานนี้แต่ละที่คงต้องมีนโยบายป้องกันคนเอาสัตว์ไปก่อความวุ่นวาย และกันคนไปก่อความวุ่นวายซะเองด้วยการพาสัตว์ไปปล่อยอะไรแบบนี้ด้วย

หมวด วิถีชีวิต

รถไฟฟ้าขบวนใหม่

เพิ่งได้ขึ้นรถไฟฟ้าขบวนใหม่ เหมือนเป็นพวกตกยุคเลย ทั้งๆที่ใช้รถไฟฟ้าทุกวัน รึว่ามันวิ่งเฉพาะเส้นสีลม และวิ่งเฉพาะตอนกลางวันฟะ เอาเหอะ มันก็แปลกเป็นเรื่องธรรมดา แค่อาจจะไม่ธรรมดาเท่าการเปลี่ยนเมล์เขียวเป็นเมล์ส้มที่มีที่นั่งน้อยลงและ มีที่ให้โหน.. เอ่อ... ยืนมากกว่า แต่ยังขับได้เ...ย เหมือนเดิม

ส่วนที่ต่างไปจากรถไฟฟ้าขบวนเก่าคือ

๑. จอโฆษณา1 เล็กลง ไม่มีขึ้นหน้าจอว่าอยู่สถานีไหนแล้วเพราะไปขึ้นไฟที่ป้ายเหนือประตูแทน แต่มันก็ยังยัดเยียดให้ดูอยู่ดีล่ะวะ

๒. ป้ายสถานีที่มีสถานีต่อจากอ่อนนุชไปถึงแบริ่งที่ยังไม่เปิดให้บริการ และสถานีที่รู้สึกว่าจะยังผลิต เอิ่ม.. สร้างไม่เสร็จโผล่มาแล้วด้วย อันนี้ไม่รู้ว่าจะมีคนมองใน ๒ มุมรึเปล่านะ โดยเฉพาะคนที่ไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น

๑. โง่รึเปล่า มีแค่สองสายยังไม่รู้อีกเหรอว่าตัวเองจะไปไหน

๒. ก็ดีเหมือนกัน น่าจะมีไฟบอกตั้งนานแล้ว

๓. ป้ายบอกสถานียังมีไฟบอกด้วยนะว่าประตูจะเปิดฝั่งไหน.... คนขึ้นบ่อยๆคงเฉยๆนะ แต่บางคนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเค้าไม่รู้หรอก (จริงๆอย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย ชาวเมืองที่ขึ้นรถเมล์เป็นกิจวัตรมาขึ้นรถไฟฟ้าบ้างยังมีสิทธ์งงเลย)

๔. หน้าต่างเล็กไปชนิดที่เรียกว่ากะจะเอามาขายพื้นที่โฆษณาเห็นๆ มันคงจะดีสำหรับพวกที่มีเงินมาลงโฆษณา แต่มันน่ารำคาญมากสำหรับคนโดยสาร ไม่ทราบว่าจะมีอีพวกที่มีเงินจ่ายค่าโฆษณามาลองนั่งรถไฟฟ้าเองมั่งมั้ยวะ เนี่ย จะได้รู้ว่ามันน่ารำคาญ... ว้อยยยยยย

๕. พื้นที่หลบมุมหัว-ท้ายขบวนมันน้อยลงพิลึกนะ แต่เพิ่มราวจับ ดี.. จะได้ไม่มีพวกสันหลังยวบยาบชอบยืนพิงไม่เผื่อที่ให้คนอื่นเกาะ และคนที่นั่งรถเข็นจะได้ไปไหนมาไหนเองได้บ้าง

๖. เสียงเตือนประตูปิด... มันรำคาญหูไปหน่อยมั้ย??? เหมือนคนเป่านกหวีดผสมกับแตรรถซาเล้งยังไงไม่รู้ เปลี่ยนเป็นแบบเก่าน่าจะดีกว่ามั้ยอ่า...

๗. หน้ารถ... ทีแรกก็ว่าทำไมคันนี้หน้ารถมันแปลกๆ พอเข้าไปถึงรู้ว่ามันคือคันใหม่ ไม่น่าล่ะ... แปลกยังไง หัวรถเดิมจะเป็นแบบเหลี่ยมๆ ทื่อๆ แต่อันนี้กระจกโค้งๆหน่อยๆ ไม่ทื่อเหมือนขบวนเก่า

๘. จิปาถะมากมาย แต่ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเท่าไหร่ เช่น เสาจับเล็กลง ห่วงจับเปลี่ยนสี ป้ายโฆษณายังไม่มีเกะกะ ฯลฯ

1 ถ้าคำจำกัดความของทีวีคือสื่อที่มีทั้งโฆษณา สารคดี ละคร และข่าว ก็เรียกมันว่าทีวีไม่ได้เพราะอีมีแต่โฆษณาลูกเดียวตั้งแต่ต้นสายยันปลายสาย จนกว่าอีจะเข้าอู่ (ไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วจะยังฉายต่อมั้ยตะหาก ประมาณว่าอย่างน้อยคนโดยสารไม่เห็น พนักงานก็ต้องเห็นมั่งล่ะวะ) กับอีกกรณีที่มันจะไม่ฉายคือ มันขัดข้อง...