Friday, January 22, 2010

พร 4 ข้อของท่าน ว.วชิรเมธี‏

ใครที่ไม่ได้ไปนั่งฟังการบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้
1. อย่าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง
" กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก"
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส" จิตประภัสสร" ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี
" แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข"

2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
" แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน"
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า" เจ้ากรรมนายเวร" ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้อง ถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น" ไฟสุมขอน" ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี" แผ่เมตตา" หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป

3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ" ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น"
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ" อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน"
" อยู่กับปัจจุบันให้เป็น" ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี" สติ" กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
" ตัณหา" ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่ เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วย น้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วย เชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ" ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม"
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่ คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์ เราต้องถามตัวเองว่า" เกิดมาทำไม" " คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน" ตามหา" แก่น" ของชีวิตให้เจอ
คำว่า"พอดี" คือถ้า"พอ" แล้วจะ"ดี" รู้จัก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข


ท่านที่ได้รับโปรดส่งต่อไปให้แก่คนที่ท่านรักแลปรารถนาดี เป็นบุญเป็นกุศลยิ่งนัก
สัพพะทานัง ธัมมะธานัง ชินาติ
' การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง'
จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว จงประสพแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และ ปฏิภาณธนสารสมบัติทุกประการ

Sunday, January 10, 2010

19 วิธีฟื้นฟูสภาพตา

1. ปรับช่องแอร์ในรถให้ต่ำลง อย่าให้ลมเย็นพ่นเข่าตาโดยตรง เพราะลมเย็นพวกนี้จะเป็นสาเหตุให้ตาแห้ง ถ้าปล่อยไว้นานๆ กระจกตาก็อาจจะถลอกจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้

2. บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ดีต่อสายตามากๆ และหาซื้อได้ไม่ยากเลย แค่ซื้อแยมบลูเบอร์รี่มาทาขนมปังทาน คุณก็จะได้รับสารอาหารแอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งช่วยบำรุงสายตาแล้ว

3. อย่ามองข้ามมันเทศ ของดีราคาย่อมเยาที่พ่อค้าเขาเดินขาย วิตามินในมันเทศจะช่วยปรับสายตาของคุณให้เห็นได้ชัดในที่มืด

4. เวลาทำกับข้าวอย่าลืมใส่หัวหอมแดงลงไปด้วย เพื่อให้สารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิทินในหอมแดงจะช่วยป้องกันต้อหินให้คุณ

5. อย่าขี้เกียจเดิน เพราะผลการวิจัยบอกว่าเดินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้งจะช่วยลดความดันในกระบอกตา ทำให้สายตาเป็นปกติ

6. กินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดโอเมก้า-3 ที่จำเป็นสำหรับบำรุงสายตา

7. ลดขนมหวานๆ และอาหารมันจัด อาหารพวกนี้เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับสุขภาพ รวมทั้งสายตาของคุณด้วย

8. ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมใส่แว่นกันแดดเสมอ เพื่อป้องกันทั้งลม แดด ฝุ่นละออง และเชื้อโรค ที่จะแท็คทีมกันมาทำร้ายสายตาที่รักของเรา

9. ตรวจวัดความดันโลติตเป็นประจำทุกเดือน ความดันที่ผิดปกติมีผลโดยตรงต่อสายตามาก จึงไม่ควรมองข้ามการวัดความดัน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้รักษาได้ทันท่วงที

10. สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดดอย่างเดียวอาจจะสู้กับแดดแรงมหาร้อนอย่างบ้านเราไม่ไหว หมวกปีกกว้างจึงเป็นอุปกรณ์เสริมอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ เพื่อป้องกันรังสียูวีที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามาทางด้านบนของแว่นกันแดด

11. อย่าละเลยการทำความสะอาดดวงตาด้วยน้ำยาล้างเครื่องสำอางค์ทุกคืน เพื่อป้องกันไม่ให้มาสคาร่าที่อาจจะเหลือตกค้างอยู่เข้าไปหมักหมมอยู่ในดวง ตาจนเกิดการติดเชื้อ

12. กินผักใบเขียวเป็นประจำทุกวัน ผักใบเขียวเป็นแหล่งรวมของสารลูเทอินและซีอาแซนธินที่ช่วยลดความเสี่ยงโรค ต้อกระจกและยิ่งซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในกระบอกตาได้ด้วย (คนที่เกลียดผักคงต้องพยายามหน่อยน่ะ)

13. ผักบีตสดๆเป็นของขวัญชั้นดีที่จะมอบให้ดวงตาของตัวเองได้ ผักชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องหลอดเลือดในกระบอกตา ทำให้ตาคุณมีเลือดไปเลี้ยงอย่างสมบูรณ์ ทำให้ตาคุณสวยและใส

14. เลิกทานอาหารที่เค็มจัด เพราะคนที่ติดรสเค็มจะมีโอกาสเป็นโรคต้อกระจกมากกว่าคนที่ชอบอาหารรสจืด

15. หมั่นซักผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวบ่อยๆ เพื่อให้ผ้าส่วนตัวของคุณสะอาด ปราศจากเชื้อโรค ทีสำคัญไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับใคร เพราะในผ้าพวกนั้นอาจจะมีเชื้อโรคตาแดงซ่อนอยู่

16. น้ำหอมกลิ่นมะลิ วนิลลา หรือเปปเปอร์มินต์ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นระบบลิมบิกในสมอง ซึ่งจะไปกระตุ้นเซลล์รูปแท่งในจอตาอีกต่อหนึ่ง ทำให้คุณมองเห็นในที่มืดได้ชัดขึ้น แค่หยดน้ำหอมกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งไว้ที่แขนเสื้อ ก็จะมีสายตาดีขึ้นได้แล้ว ว้าว!! ง่ายจัง

17. อย่าเพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเกินไป แม้การอ่านหนังสือก็ควรถอนสายตามองออกไปที่ไกลๆทุกๆ 30 นาที เพื่อพักสายตาไม่ให้เพลียหรือล้าถาวร

18.กินผักโขมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผักชนิดนี้มีสารลูเทอิน ซึ่งจะช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะศูนย์กลางประสาท

19. เปลี่ยนมาสคาร่าขวดใหม่ทุกๆ 3 เดือน ทุกครั้งที่มาสคาร่าสัมผัสตาคุณ จะต้องมีความสกปรกเล็กๆน้อยๆ ติดมาด้วย เมื่อมาหมักหมมปนกันนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป มาสคาร่าขวดโปรดของคุณก็จะกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคไปโดยปริยาย

กินอาหารให้เป็นยา

สรรพคุณของพืชผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไรไว้ในหนังสือชื่อ 'ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ' เช่น

1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง

2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว

3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด

4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็นประจำ สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี

5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง

6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า (ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง ) น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง

7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป

8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี (ไม้เมืองหนาว) กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้

9.. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้

10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้

11. ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี

12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง
โดย เฉพาะรำข้าวกะหล่ำปลี ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม ข้อสำคัญอย่ากินไก่มาก เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต ช่วยให้อาการปั่นป่วนในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทำลายไขมันเลว ' คลอเลสเตอรอล ' ได้ ทำให้ระดับความดันเลือดลดลง ซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้ พืช ผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้นนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังมีสรรพคุณช่วยสร้าง ความสมดุลภายในร่างกายช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ถ้าได้ เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง โดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญ ญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน ไทยขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่จ้องฉกฉวยผล ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของ เราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษา ค้นคว้า และคิดค้นตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้เพื่อนำมาใช้ ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป.

14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี

15. มะเร็งปอด กินส้ม และ ผักใบเขียว มีวิตามินเอ อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน

16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้

17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก

18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี 'โมโรอันแซตเทอเรต'

19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี

20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร

อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จ ะรู้ได้ มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบากหรือมีการขยายตัวของต่อมใน ลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้ อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อ

3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการ ปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหาร ปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง

5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาว ะ

8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และ เห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือการเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและ เป็นอัมพาตชั่วคราว ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือ ทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษาหรือเป็นแผล เรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลา นาน

10. มะเร็งในลำคอ อาการเสียงแหบพร่าไปทันที

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร

12. มะเร็งทรวงอก - ไปที่ร้านยาจีน ซื้อหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1ตำลึง ก้อนเกลือ 3 ก้อน นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วัน ในน้ำ 1 ชาม จากนั้นให้ดื่มจนหมดชาม สรรพคุณในการรักษา - หลังจากดื่มยานี้แล้วควรดื่มน้ำตามมากๆ นำส่วนที่เหลือมารับประทาน ยานี้จะขับเอาของเสียออกทางอุจจาระหรือปัสสาว ะไม่ต้องตกใจ เป็นการขับของเสียออกหมดแล้วจะปกติ อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอก โดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียก ว่าซีสต์ ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติมี เลือดออกปนมากับอุจจาระ ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้ กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคือ อาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย

15. มะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา (Melanoma)คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ด ทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมี อัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ

ตำรานี้ห้ามซื้อขาย หรือคิดเป็นเงินค่ารักษา

เลือกของใส่บาตรตามวันเกิด

วันอาทิตย์
อาหารคาว: ประเภทไข่ ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย ต้ม แกงกะทิ
อาหารหวาน: ไข่หวาน มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะพร้าว น้ำขิง เงาะ
ของถวายพระ: หลอดไฟ ไฟฉาย เทียน ธูป อุปกรณ์แสงสว่าง แว่นตา หมากพลู
ไหว้พระ: ปางถวายเนตร (พระประจำวันเกิด) กำลังวันเท่ากับ 6 (สวดแบบย่อ อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ)
ทำทาน: เติมน้ำมันตะเกียงตามวัด คนตาบอด โรงพยาบาลโรคตา มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาลโรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ
พฤติกรรม: ออกรับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ช่วงเช้าหรือเย็นๆ เพื่อให้เกิดพลัง อย่าใจร้อน เลิกทิฐิ ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น


วันจันทร์
อาหาร คาว: ประเภทสัตว์ปีก สัตว์น้ำ เช่นไก่ผัดขิง ไก่ย่าง ไก่ทอด ปูผัดผงกะหรี่ ปูนึ่ง ข้าวมันไก่ ข้าวผัดปู เต้าหูทอด แกงจืดเต้าหู้ แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปลาสลิดทอด
อาหารหวาน: น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง น้ำอ้อย โดนัท นมสด นมกล่อง เผือก มันลางสาด ขนมเปี๊ยะ
ของถวายพระ: แก้วน้ำ แจกัน ของโปร่งๆ ใสๆ
ไหว้พระ: ปางห้ามญาติ (พระประจำวันเกิด) กำลังวัน เท่ากับ 15 (สวดแบบย่อ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา)
ทำทาน: มูลนิธิช่วยเหลือสตรี
พฤติกรรม: ทำจิตใจให้สดชื่น แจ่มใส อยู่เสมอ อย่าวิตกกังวลเกินเหตุ ให้ความช่วยเหลือสตรีเช่นลุก ให้สตรีนั่งบนรถเมล์บริหารกล้ามเนื้อหน้าอกให้แข็งแรง


วันอังคาร
อาหาร คาว: อาหารประเภทเส้น ขนมจีน วุ้นเส้น บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว เนื้อวัว ปลาช่อนตากแห้งทอด อาหารหวาน: ฝอยทอง สลิ่ม ลอดช่อง ทุเรียน ระกำ ขนุน น้ำสไปร์ท น้ำอัดลม
ของถวายพระ: เหล็ก เครื่องมือประเภทเหล็ก กรรไกร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน พัดลม กรรไกรตัดเล็บ
ไหว้พระ: ปางไสยาสน์ (พระนอน) มีกำลังเท่ากับ 8 (สวดแบบย่อ ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง)
ทำทาน: คนพิการทางปาก ปากแหว่ง ผู้ป่วยโรคลมชัก
พฤติกรรม: ทำตัวให้กระฉับกระเฉง ตื่นตัว ขยันให้มากขึ้น ลดอารมณ์ร้อน การชิงดีชิงเด่น


วันพุธ (กลางวัน)
อาหาร คาว: เน้นสีเขียว-หมู แกงเขียวหวานหมู หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู คะน้าน้ำมันหอย อาหารหวาน: ขนมเปียกปูนเขียว น้ำฝรั่ง ชมพู่เขียว องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวยฝรั่ง ชามะนาว
ของถวายพระ: สมุด กระดาษ ปากกา ดินสอ อุปกรณ์การเรียนการศึกษา
ไหว้พระ: ปางอุ้มบาตร (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 17 (สวดแบบย่อ ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท )
ทำทาน: คนพิการทางหู โรงพยาบาลโรคสมอง โรงเรียนสอนคนหูหนวก
พฤติกรรม: อ่านหนังสือธรรมะ ร้องเพลง ฝึกสร้างความมั่นใจให้ตนเอง


วันพุธ (กลางคืน)
อาหารคาว: ของหมักดอง ผักกาดดองผัดไข่ อาหารกระป๋อง แกงใบยอ หมูยอ แหนม ไข่เยี่ยวม้า ห่อหมก
อาหารหวาน: ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลไม้หัวโตๆ ทุเรียน
ของถวายพระ: พัดลม เทปธรรมะ ยาแก้โรคลม ยาหอม
ไหว้พระ: ปางป่าเลไลย์ (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 12 (สวดแบบย่อ คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ )
ทำทาน: มูลนิธิหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับยาเสพติด
พฤติกรรม: เลิก บุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกการพนัน เลิกทำตัวเหลวไหล เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกยาเสพติดทุกชนิด

วันพฤหัสบดี
อาหารคาว: ประเภทเถา แกงเลียง บวบผัดไข่ น้ำเต้า
อาหารหวาน: แตงโม แตงไทย น้ำสมุนไพร ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านหางจระเข้
ของถวายพระ: สบง จีวร หนังสือธรรมะ ตู้ยา โต๊ะหมู่บูชา
ไหว้พระ: ปางสมาธิ (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 19 (สวดแบบย่อ ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ)
ทำทาน: โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว
พฤติกรรม: นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถือศีล 5 อย่าซื่อจนเกินไป


วันศุกร์
อาหาร คาว: ประเภทของหอม หวาน ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียวหอมใหญ่ ยำหัวหอม อาหารหวาน: ขนมหวาน หอมทุกชนิด น้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม กล้วยหอม เค้ก
ของถวายพระ: นาฬิกา โต๊ะรับแขก ดอกไม้สวยหอม ระฆัง ย่าม
ไหว้พระ: ปางรำพึง (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 21 (สวดแบบย่อ วา โธ โน อะ มะ มะ วา)
ทำทาน: เด็กด้อยโอกาส ให้เงิน ให้เสื้อผ้า อาหารที่หอมหวานชวนกิน เช่น ไอศกรีม
พฤติกรรม: ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใส บำรุง ดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอด จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สวยงาม เลิกการฟุ่มเฟือย


วันเสาร์
อาหารคาว: ประเภทของขม ของดำมะระยัดไส้ สะเดาน้ำปลาหวาน น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว
อาหารหวาน: ลูกตาลเชื่อม กาแฟ โอเลี้ยง
ของถวายพระ: ร่มสีดำ กระเบื้องมุงหลังคา ไม้กวาด สร้างห้องน้ำถวายวัด
ไหว้พระ: ปางนาคปรก (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 10 (สวดแบบย่อ โส มา ณะ กะ ระ ถา โธ)
ทำทาน: โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลโรคประสาท
พฤติกรรม: กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ขยะในบ้านยกทิ้งทุกวัน อย่าหมักหมม

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ

อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย

1. มะเร็งปากมดลูก

อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้

2. มะเร็งในมดลูก

อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

3. มะเร็งรังไข่

อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย)

อาการ เหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาการ ปวดตามข้อต่างๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง

5. มะเร็งปอด

อาการ มักมีอาการไอบ่อยๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็งตับ

อาการปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

8. มะเร็งสมอง

อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียวๆ แดงๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือการเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและ เป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มี อาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก

อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำ หรือ เป็นเวลานาน

10. มะเร็งในลำคอ

อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร

อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยบ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก

อาการ มีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด ขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียก ว่า ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกัน แน่

13. มะเร็งลำไส้

อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ **** ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้ กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมี สีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

อาการ มีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา (Melanoma ) คือ เนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ

มหันตภัยกล่องโฟม‏

อันนี้ก็เอามาจาก Forwardmail เช่นกัน หลายครั้งที่เคยได้ยิน และก็รู้ๆกันอยู่ว่ากล่องโฟมอันตรายแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ค่อยมีใครใส่ใจเท่าไหร่ คงเพราะผลไม่ได้ตามมาให้เห็นกันจะจะมากกว่า
กล่อง โฟมที่ร้านค้าเอามาใช้เค้าจะแกะจากถุงพลาสติกใหญ่ (กล่องโฟมจะเรียงซ้อนกันเป็นแถวๆ) แล้วหยิบใช้ใส่อาหารขายไม่มีการเช็ด-ล้างก่อน ลองเอามือลูบดูกล่องโฟมใหม่ที่เพิ่งแกะจากถุงจะมีฝุ่นโฟมติดอยู่คิดว่าน่าจะ มาจากการตัดโฟมจากโรงงาน
หลายคนคงจะ รู้จัก โรคด่างขาว บางคนเรียกโรคสะเก็ดขาว มันก็โรคมะเร็งผิวหนังดีๆ นี่เอง เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมเจอเพื่อนรุ่นพี่ที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี (เมื่อก่อนดื่ม เที่ยวด้วยกันเป็นประจำ) ก็เลยลงไปสนทนาปราศรัยในฐานะเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพรักและไม่ได้พบปะกันมานาน สอบถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสา พี่คนนี้ลักษณะแกคล้ายๆ อี๊ด วงฟลาย แต่หน้าตาดีกว่า ลักษณะแบบนี้คงนึกออกนะว่าเป็นยังไง แต่พอคุย จ้องหน้ากันมากๆ แกก็อายๆ อยู่บ้าง เพราะไม่เจอนานหลายปี แต่ตอนนี้แกเป็นโรคด่างขาว ขึ้นทั้งปาก ทั้งศีรษะ กระทั่งมือ เต็มไปหมด แกเล่าให้ฟังว่า เวลารับประทานอาหารทุกมื้อ ลูกน้องจะเป็นผู้ไปซื้ออาหารมาให้ คือพี่แกเป็นคนรับประทานอะไรง่ายๆ อาหารทุกอย่างจะใส่กล่องโฟมมาตลอด แกบอกรับประทานอาหารที่ใส่กล่องโฟมแบบนี้ทุกมื้อเป็นเวลาประมาณ 2 ปี เท่านั้นแหละ โรคด่างขาวมันอาละวาด ลุกลามเต็มตัว และรวดเร็วมาก ทุกวันนี้ต้องไปโรงพยาบาลศิริราช แพทย์จะให้ยามาทาหลอดหนึ่งราคา 1,800.- บาท รักษามา 6 เดือนแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นมาก ตั้งแต่นั้นมา แกบอกว่า เวลาลูกน้องไปซื้ออาหาร ห้ามใส่กล่องโฟมโดยเด็ดขาด ให้ใส่ถุงพลาสติคเพียงอย่างเดียว ซึ่งแพทย์บอกว่า ถุงพลาสติคยังไม่ค่อยอันตรายเท่าไร เพราะกล่องโฟมเวลาโดนอาหารร้อนๆ จะมีสารชนิดหนึ่งละลายออกมาอยู่ในอาหารในกล่อง พอเรารับประทานเข้าไปมากๆ ก็จะเป็นผลเสียต่อร่างกาย

เทคนิคการเอาตัวรอด จากตำรวจจราจร

ในกรณีที่ตำรวจจราจรเรียกแล้ว ไม่ว่ากรณีใดๆ ขอให้ท่านปฎิบัติตัวดังต่อไปนี้
  1. อย่าไปโต้เถียงใดๆทั้งสิ้น และพูดจาให้สุภาพที่สุด
  2. ระงับอารมณ์ให้เป็นปกติ ประหนึ่งว่ามีเรื่องตลกเกิดขึ้น
  3. จราจรขอดูใบขับขี่ ห้ามให้ดูเด็ดขาด ( คุณอาจจะถ่ายสำเนาใบขับขี่ แล้วยี่นให้เขาดูจะดีที่สุด)
  4. ขอให้จราจรเขียนใบสั่งให้คุณ เขาจะเพิ่มข้อหาอีกข้อหนึ่งคือ ไม่มีใบอนุญาติขับขี่ ก็ให้เขาเพิ่มข้อหา
  5. เมื่อได้รับใบสั่งมาแล้ว คุณจะฉีกทิ้งหรือเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็สุดแท้แต่คุณ
  6. คุณไม่ต้องไปจ่ายค่าปรับตามใบสั่ง
ประเด็น สำคัญ อย่าให้จราจรดูใบขับขี่เด็ดขาด เพราะมันจะยึด(วิ่งราวทัพย์)ใบขับขี่คุณไปแล้ว คุณก็ต้องยอมไปเสียค่าปรับเพื่อจะเอาใบขับขี่กลับคืน


เมื่อคุณไม่ไปชำระค่าปรับจะมีผลอย่างไร
  1. ไม่มีผลต่อการเสียภาษีรถยนต์หรือจักรยายนต์ทั้งสิ้น คุณยังไปชำระค่าภาษีได้ตามปกติ แม้จราจรจะขู่ ว่าจะอายัดทะเบียนก็ตาม
  2. ขนส่งไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่รับต่อภาษี ไม่มีสิทธิ์ยึดหน่วงเล่มทะเบียน
  3. การ อายัดเล่มทะเบียนมันเป็นข้อตกลงระหว่างตำรวจกับกองทะเบียน ไม่ได้เป็นข้อกฎหมายที่จะบังคับ ใช้กับประชาชนได้ ดังนั้นขนส่งทุกแห่งจะไม่รับชำระภาษีหรือยึดหน่วงเล่มทะเบียนไม่ได้
ผม โดนยึดใบขับขี่รถยนต์ แล้วไม่ไปเสียค่าปรับ สิบปีมาแล้ว ต่อทะเบียนได้ทุกปี จนขาย รถทิ้งไปแล้ว ผมมีใบสั่งเกือบสิบใบทั้งรถยนต์ มอไซค์ ก็ไม่มีปัญหาก่อต่อภาษี
ไม่ได้ส่งเสริมให้ใครทำผิดกฎหมาย แต่ไม่อยากเห็นใครเสียเปรียบโดยไม่เป็นธรรม วันหลังจะมาบอกว่ากรณีใดที่ตำรวจยึดรถได้ กรณีใดยึดไม่ได้ เพื่อจะได้เป็นความรู้ต่อสู้กับมาเฟียในคราบของตำรวจ

เตือนภัย: สำหรับคนที่ขับรถ

สำหรับ ท่านที่ขับรถ หากมีข้อผิดสังเกต หรือมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอย่าพึ่งลงจากรถ กรุณาใช้สติ ใคร่ครวญให้รอบคอบ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นข้อเตือนใจให้ระมัดระวังความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของตนเอง และเมื่อท่านอ่านจบแล้ว ขอให้ช่วยบอกต่อให้กับเพื่อนและคนที่คุณรักด้วย
เมื่อ วานได้ฟังเพื่อนเล่าว่าจอดรถไว้ที่วัดโพธิ์ และไปเดินดูของที่ตลาดนัดสะพานพุทธ ขากลับมาที่รถประม าณ 2 ทุ่ม ตอนออกรถมีผู้ชายมายืนขวางหน้า เพื่อนเห็นว่ามีคนเดียวและตัวเองก็เป็นผู้ชายจึงเปิดกระจกถามไปว่ามีอะไร เท่านั้นแหละมีผู้ชาย 3-4 คนมาจากไหนไม่รู้ ลากตัวเขาออกมาซ้อมด้านหลังรถ แล้วขับรถพาไปด้วยไปชานเมือง ลากตัวลงมาซ้อมต่อ คนหนึ่งบอกให้ยิงทิ้ง อีกคนบอกว่าแทงให้ตาย สุดท้ายคนหนึ่งบอกว่ามันพูด! ดดีปล่อยมัน ก่อนไปพวกมันถอดเสื้อผ้าออกหมด เอาเสื้อมัดแขนไว้ และขับรถพร้อมทรัพย์สินทั้งหมดไป โชคดีที่ไม่ตาย

ใคร ที่พบเหตุการณ์อย่างนี้แนะนำว่าอย่าเปิดกระจกรถ เพราะคนร้ายที่แอบอยู่สามารถดันกระจกลง และปลดล็อคประตูได้ ทางที่ดีใช้แตรดังๆ ให้เป็นจุดสนใจ

จำได้ว่าเร็วๆ นี้มีข่าวคนมาจากต่างจังหวัดไปถามทางคนที่อยู่แถวท่าเตียนก็ถูกซ้อมและปล้นลักษณะคล้ายกัน

โปรด ระวังภัยนี้ส่วนใหญ่จะโดนกับผู้หญิงที่ขับรถปิ๊กอัพคนเดียว คุณพ่อเค้าเคยได้ยินมาว่าพวกผู้ร้ายมีการชิงรถแบบใหม่ โดยเฉพาะรถกระบะใหม่ๆที่ไม่มีหลังคาท้ายกระบะ ซึ่งคนร้ายจะสามารถโยนสิ่งของใส่ท้ายรถได้ ถ้าเป็นรถเก๋งก็มักจะทิ้งของบางอย่างไว้ข้างๆรถโดยต้องเป็นที่สังเกตุได้ ง่ายของเรา


หลังจาก ที่คุณพ่อเตือนได้ไม่กี่วัน คุณพ่อก็กลับมาเล่าให้ฟังว่ารุ่นน้องที่บริษัทเพิ่งไปโดนมา แต่โชคดีที่คุณพ่อเคยเตือนไว้ก่อนจึงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เค้าไปจอดรถกระบะไว้ข้างถนน แล้วลงไปทำธุระ พอกลับมาที่รถ ก็เห็นมีรถเก่งจอดต่อท้ายอยู่เค้าก็ไม่ได้สนใจ แต่ก่อนที่เค้าจะขึ้นรถก็เห็นว่า ท้ายรถมีซองสีน้ำตาลคล้ายซองเอกสารแต่มีลักษณะบวม พอง เค้าเห็นดังนั้นก็คิดถึงคำเตือนได้ จึงหยิบซองกระดาษทิ้งพงหญ้าข้างถนน แล้วรีบขึ้นรถทันที แล้วเค้าก็เห็นว่ารถคันหลังที่เหมือนจอดสนิทก็ออกรถไปทันทีเช่นกัน เค้ารู้ได้ทันทีว่าเป็นแกงค์ชิงรถแน่ๆ แกงค์พวกนี้ จะใส่ยาหรือสารที่ทำให้เรางง มึน ไว้ในรถบ้าง ข้างรถบ้าง ที่เราเห็นชัดเจน (ตามปกติคนเรามักจะสงสัยและหยิบมาเปิดดู) แล้วก็จอดรถซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อเหยื่อหลงกล เปิดดูหรือจับโดนสาร ก็จะชิงรถและของมีค่าไป

ฝากเตือนเพื่อนๆทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงที่ขับรถคนเดียว

เรื่องของกล้วยกับสุขภาพ

มาลงช้าไปหน่อยสำหรับเรื่องของกล้วย รับงานมหกรรมกล้วยที่จัดที่ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ (จตุจักร) ถ้าใครได้ไปดูงานมาคงจะเห็นแล้วว่ากล้วย มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตคนไทยมาทุกยุค ทุกสมัย และแทบจะทุกสถานการณ์ แต่เรื่องของกล้วยในส่วนของสุขภาพยังมีมาฝากกันต่อ จริงเป็น Forwardmail ได้มาพักนึงแล้วล่ะนะ ^^

กล้วย หอมมีสารน้ำตาลอยู่ 3 ชนิดคือ ซุคโคส ฟรุคโตสและกลูโคส (sucrose, fructose and glucose) รวมทั้งเส้นใยอาหาร มันจะให้พลังงานแก่ร่างกายพร้อมนำไปใช้ทันทีเลย
เขา วิจัยมาแล้วว่ากล้วยหอม 2 ใบให้พลังงานเพียงพอให้เราทำงานถึง 90 นาที ไม่ต้องสงสัยเลย นักกีฬาระดับโลกถึงชอบกินกล้วยหอมกันนัก (เคยเห็นในสนามเทนนิส พอพักเบรคบางคนหยิบกล้วยหอม มากัดกินสัก 2-3 คำ) กล้วยยังป้องกันโรคภัยและภาวะต่างๆของร่างกายได้อีกด้วย

ความเศร้าซึม
จาก การสำรวจและวิจัยไต่ถามพร้อมสุ่มตัวอย่างจากคนไข้ ที่ป่วยเป็นโรคเศร้าซีม พบว่าส่วนใหญ่จะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้กินกล้วยหอม เพราะว่ามัน tryptophan ซึ่งเป็นกรดอะมิโนโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งร่างกายสามารถแปลงเป็น serotonin สารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใสและมีความสุขมากยิ่งขึ้น

PMS (Premenstrual Syndrome)
สำหรับ สุภาพสตรีแล้วก่อนที่จะมีประจำเดือน อารมณ์จะหงุดหงิดง่าย ไม่อยู่กับร่องรอยและก่อให้เกิดสภาวะต่อร่างกาย เช่น ปวดท้อง ปวดหัว ฯลฯ รีบกินกล้วยหอมซะดี ๆ ยาแก้ปวดลืมไปได้เลย มันสามารถป้องกันได้

โรคโลหิตจาง (Anemia)
ธาตุเหล็กในกล้วยหอมสามารถที่จะกระตุ้นร่างกายให้ผลิ ต Hemoglobin ( ฮีโมโกลบิน) ในกระแสโลหิตช่วยหยุดยั้งภาวะโลหิตจางได้

ความดันโลหิต (Blood Pressure)
กล้วย หอมมีเกลือโปแตสเซียมเหลืองอยู่เยอะ เป็นตัวช่วยความดันเลือดจนกระทั่ง US Food and Drug Administration อนุมัติให้กล้วยหอมยอดผลไม้มีส่วนช่วยลดภาวะความเสี่ ยงความดันได้จริง

เสริมสร้างพลังสมอง (Brain Power)
ที่ อังกฤษในแค้วน Middlesex มีนักเรียนจำนวน 200 คนจาก Twickenham school อ้างว่าพวกเขาสอบผ่านเพราะได้กิตกล้วยหอมเป็นอาหารเช ้า รวมทั้งกินอีกนิดหน่อยในตอนมื้อเที่ยงเพื่อทำให้สมอง สดชื่น เขาได้วิจัยพบว่าโปแตสเซียมในกล้วยช่วยนักเรียนให้ตื ่นตัวอยู่เสมอ

อาการท้องผูก (Constipation)
เส้นใยอาหารในกล้วยหอมช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกาย ทำงานได้ดี

เมาค้าง (Hangovers)
วิธี แก้เมาค้างที่เร็วและดีอีกวิธีหนึ่งก็คือกินกล้ว ยหอมปั่น banana milkshake โดยการใส่น้ำผึ้งลงไปด้วย ด้วยสรรพคุณของน้ำผึ้งและสารวิตามินในกล้วยจะช่วยให้ ปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือดและทำให้กระเพาะอาหารอยู่ในสภาวะที่พร้อมทำงาน ได้เร็ วขึ้น

จุกเสียดแน่นท้อง (Heartburn)
กล้วยหอมมีสารลดกรดตามธรรมชาติอยู่ ดังนั้นการกินกล้วยก็จะช่วยให้ลดอาการดังกล่าว

Morning Sickness
อาการ งี่เง่าตอนเช้าเช่นไม่อยากจะตื่น ถ้าเรากินกล้วยหอมสักคำ 2 คำระหว่างมื้อเช้า เที่ยงหรือเย็นมันจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและแก้อาการดังกล่าว ในตอนเช้าได้

บรรเทาแผลยุงกัด
ก่อนที่จะใช้ยาทา ลองใช้เปลือกกล้วยหอมด้านใน ถูบริเวณที่ถูกยุงกัด จะช่วยลดอาการคันหรือบวมได้ คนส่วนใหญ่เป็นอย่าง นั้นจริงๆ

ระบบประสาท ( Nerves)
วิตามินบีที่มีอยู่มากในกล้วยหอมจะช่วยลดความเครียด อ่อนล้าได้

อ้วนจากทำงานมากเกินไป
ที่ สถาบันจิตวิทยาในออสเตรียได้ศึกษาและพบว่า ความเครียดจากที่ทำงานทำให้คนกินช็อกโกแล็ตและพวกโปเ ต้โต้ชิปส์มากเกินไป ทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น จากที่กล่าวมาแล้วถ้ากินกล้วยหอมสักเล็ก ๆน้อย ๆประมาณทุก ๆ 2 ชม. มันจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอยากกินของจุกจิก

แผลในลำไส้และกระเพาะอาหารรวมทั้งผิวหนังพุพองเป็นแผล (Ulcers)
สาร และเส้นใยในกล้วยหอมช่วยให้การย่อยอาหารของลำไส้เล็กดีขึ้น รวมทั้งกรดต่างๆที่มีอยู่ทำให้มีการเคลือบผิวของกระเพาะ ลดการเป็นแผลในกระเพาะได้

ปรับระดับอุณหภูมิในร่างกาย (Temperature Control)
ใน ประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรที่มีอากาศร้อน ผู้คนชอบกินกล้วยหอมดับร้อนกันครับและเชื่อว่ามันเป็นผลไม้เย็นฉ่ำชนิดหนึ่ง อย่างเช่นในไทยมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงท้องควรกินกล้วยหอมเป็นประจำ เพื่อเด็กที่เกิดมาจะมีอารมณ์เยือกเย็นเช่นดังป๋าคูล เป็นต้น

ลดความอยากสูบบุหรี่
สำหรับ ท่านที่ต้องการเลิกบุหรี่ กล้วยหอมอาจช่วยท่านได้เพราะมีวิตามิน B6, B12 โปแตสเซียมและแม็กนีเซียม ที่มีอยู่มากจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากการขาดสารนิโคติน


เปรียบเทียบกับแอปเปิลแล้ว กล้วยหอมมีโปรตีนมากกว่า 4 เท่า มีคาร์โบไฮเดรทมากกว่า 2 เท่า ฟอสฟลอรัสมากกว่า 3 เท่า วิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า วิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆมากกว่า 2 เท่า

แถมท้ายอีกอย่างหนึ่งรองเท้าหนัง ถ้าอยากขัดให้มันวาวแบบเร็ว ๆ ก็เอาเปลือกกล้วยหอมด้านในถูรองเท้าไปเลย เสร็จแล้วเอาผ้าแห้งเช็ดขัดออก รองเท้าจะมันแผล็บเลย....

Third Language Support

I've tried to recover French language as the third one and other two languages, Chinese and Japanese (Korean maybe instead ^^). The problem does not happen for French as the symbol like "Accent" has been set up already in international Microsoft Programme. For asian languages, which do not use the same base or quite obvious difference, there is able to read on many machines but some of them can't do so unless install those fonts.
Another problem of lanugae learners is typing in different langauges. Mostly computers are support only two types such as Enhliag and Thai (as it's my mother language). If user needs to use other letter fonts like Chinese, Japanese, etc., user has to set one lanugage instead of English (for non-english people and some user who quite not use English as much as another one).
Future Computer or digital machine might be able to set up more than one languages.

ภูมิปัญญาชาวบ้าน

จาก Forwardmail 6 มิถุนายน 2552

**การกำจัดแมลงสาบ**
ใน บ้านที่มักจะอยู่ตามครัว ตู้ โต๊ะ หรือตามซอกตามมุมต่างๆ เขาบอกว่าวิธีที่ได้ผลและง่ายแสนง่าย แต่คนมักไม่ทราบหรือคิดไม่ถึงนั่นก็คือ ใช้ "พริกไทยเม็ด" ไปวางตามจุดต่างๆ ที่แมลงสาบชอบออกมาไต่ยั้วเยี้ย หรือแอบมากินเศษอาหาร โดยวางไว้ที่ละ 4-5 เม็ดก็พอ แค่นี้แมลงสาบได้กลิ่นก็ไม่มารบกวนแล้ว เพราะมันไม่ถูกกับกลิ่นพริกไทยเม็ด ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงให้เสียเงิน หรือเป็นอันตรายต่อคนในบ้าน พอกลิ่นหมด ก็คอยเปลี่ยนใหม่ ข้อสำคัญ ระวังเด็กเล็กในบ้านอย่าคลานไปกินเข้า จะร้องไห้จ้าเพราะความเผ็ด

**กำจัดยุงและแมลงตัวเล็กๆ** ไม่ให้มารบกวนตอนอ่านหนังสือหรือทำงานตอนกลางคืน
เขา ให้ใช้ " การบูร " มาห่อผ้าขาวหรือไปซื้ออย่างที่เขาห่อสำเร็จมาแล้วก็ได้ จากนั้นนำมาแขวนไว้ใกล้ๆกับหลอดไฟ หรือโคมไฟ เพื่อความร้อนจากหลอด หรือโคมจะทำให้กลิ่นการบูรค่อยๆ ระเหิดออกมาอย่างรวยริน ยิ่งกลิ่นออกมามากเท่าใด ยุงและแมลงก็จะบินหนี เพราะมันไม่ชอบกลิ่นการบูร แค่นี้ก็ไม่ต้องจุดยากันยุงหรือทายากันยุงให้เหนอะหนะเหนียวตัว

**ขับไล่หนูชุกชุม** โดยไม่ต้องฆ่าให้บาปกรรม
นำ น้ำมันระกำ 10 ส่วน ผสมกับน้ำมันสะระแหน่อีก 90 ส่วนให้เข้ากัน แล้วเอาไปทาตามทางเดินของหนู หรือที่ๆหนูชอบมา มันจะไม่มาอีกเลย เมื่อได้กลิ่นน้ำมันทั้งสองอย่างนี้ แต่ทางที่ดีควรจะเก็บเศษอาหารให้หมด และทำบ้านเรือนให้สะอาด อย่ารกรุงรังเป็นดีที่สุด

**วิธีต้มไข่ให้ปอกเปลือกง่าย**
การ ต้มไข่นั้น ดูเป็นเรื่องไม่ยาก แต่เชื่อไหมว่า หากจะต้มไข่ให้ปอกเปลือกง่ายๆ หลายคนกลับทำไม่ได้ แถมปอกแล้วเนื้อไข่ติดเปลือกทำให้ไม่สวยงามอีก ดังนั้น วิธีง่ายๆที่จะต้มไข่ให้ปอกเปลือกได้ง่าย เขามีเทคนิคพิเศษด้วยการ ต้มไข่แบบธรรมดานี่แหละ แต่ให้เอา "เกลือ" ใส่เข้าไปพอสมควร ให้น้ำที่ต้มมีความเค็มเล็กน้อย กะว่าไข่สุกดีแล้ว ก็ให้เอาไข่นั้นแช่ในน้ำเย็นธรรมดา พอไข่ต้มเย็นลงพอควร ก็จับปอกเปลือกได้ จะรู้สึกเลยว่าเปลือกไข่แกะออกง่าย และล่อนดีไม่ติดเหมือนปกติ ทำให้ปอกไข่ต้มออกมาได้อย่างสวยงาม น่ากิน

**ต้มถั่วดำถั่วแดงให้สุกเร็ว**
การ ต้มถั่วดูเหมือนจะง่ายคล้ายๆกับต้มไข่ แต่จริงๆแล้ว ใครที่เคยต้มทั้งถั่วดำ ถั่วแดง จะรู้ดีว่ากว่าจะต้มสุกได้ต้องใช้เวลานานมาก จนหลายคนเอือม ไม่คิดอยากกินถั่วอีกเลย หรือไม่ก็ไปซื้อเขาสบายกว่า บางคนก็ใช้วิธีแช่น้ำคืนหนึ่งก่อนนำมาต้ม แต่เขาบอกว่าวิธีที่เร็วและสะดวกกว่าคือ ก่อนนำถั่วไปต้ม ให้เอาไป " คั่ว " ในกะทะให้สุกเสียก่อน เป็นการทำให้สุกครั้งแรกที่ใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจึงเอาหม้อใส่น้ำ แล้วใส่ถั่วลงไป โดยกะน้ำให้พอดีกับถั่วที่จะต้ม แล้วตั้งไฟต้ม คราวนี้แหละถั่วที่ต้ม ก็จะสุกเร็วขึ้น เมื่อถั่วสุกก็ใส่น้ำตาลลงไป กะให้หวานพอเหมาะหรือตามแต่ชอบ

**วิธีเก็บขนมปังให้นานวันขึ้น** โดยมิให้เสีย หรือหมดอายุเร็ว
เขา บอกว่าไม่ใช่เรื่องยาก ขนมปังที่ซื้อมาแล้ว และเรากินไม่หมดก็ให้ห่อเก็บในพลาสติก เหมือนเดิมนั่นแหละเพียงแต่ให้เอาผ้าขาวสะอาดๆมาห่อหุ้มเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง จากนั้นให้ผูกด้วยเชือกหรือใช้ยางรัดให้แน่น แล้วไปเก็บไว้ในตู้เย็นตามปกติธรรมดา ไม่ต้องไปเข้าช่องแข็ง ทำแบบนี้ขนมปังที่ว่าก็จะมีอายุนานขึ้นโดยไม่เสื่อมสภาพ เมื่อเอาไปย่าง ปิ้ง ทาเนยแยม ก็ยังจะอร่อย และคงความนุ่มไว้เหมือนเดิม

**วิธีหาเสี้ยน หรือหนามที่ตำ ให้เห็นง่ายๆ**
เมื่อ เราถูกเสี้ยนหรือหนามตำไม่ว่าที่ไหนก็ตาม บางทีเสี้ยนมีขนาดเล็กและกลมกลืนไปกับสีผิว ทำให้มองไม่เห็นแต่หากไม่เอาออกก็จะระคายเคือง เจ็บปวดไม่หาย เขาบอกว่าวิธีการหาง่ายๆ คือให้ใช้" ทิงเจอร์ไอโอดีน " แตะบริเวณที่ถูกเสี้ยนหรือหนามตำ สีของทิงเจอร์ฯ จะทำให้เห็นรอยเสี้ยนที่หักคาอยู่อย่างเด่นชัด ทำให้เราจัดการเอาออกได้โดยง่าย อีกทั้งทิงเจอร์ฯ ยังช่วยรักษาแผลสดได้ดีอีกด้วย

**วิธีบำรุงสายตาด้วยสมุนไพรราคาถูก**
นั่น คือ "ผักบุ้ง "ที่เราส่วนใหญ่รู้ๆ กันอยู่แล้วนี่เอง นอกจากจะกินผักบุ้งเพื่อให้ได้วิตามินเอ ที่มีมากมายในตัวผักมาบำรุงสายตาแล้ว คนไม่น้อยคงไม่รู้ว่า เราสามารถเอาผักบุ้งไทยมาล้างให้สะอาด แล้วปั่นให้ละเอียดจากนั้น เอาผ้าขาวบางไปต้มฆ่าเชื้อเสียก่อน แล้วผึ่งให้หมาด นำมาปิดไว้ที่หน้าแล้วให้ผักบุ้งไทยปั่นที่ว่ามาโปะบนผ้าขาวบาง บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง ปล่อยไว้นานพอควรจนรู้สึกว่า มีน้ำจากผักซึมเข้ามาที่ดวงตาที่หลับอยู่ ก็เอาออก แล้วหลับตาล้างเปลือกตาให้สะอาด เขาว่าให้ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้ง จะช่วยสุขภาพของดวงตาให้ดีขึ้น ทำให้สายตาแจ่มใสอยู่เสมอ

**วิธีแก้กลิ่นเต่าแรง**
นอก เหนือไปจาก "สารส้ม" ที่เขาแนะให้นำมาถูรักแร้ตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้ว ก็ยังมีอีกสูตรในการแก้กลิ่นเต่าแรงคือ " ใบตำลึง " กับ " ปูนแดง " โดยให้ตำใบตำลึงให้เละที่สุด แล้วนำมาผสมกับปูนแดงสักก้อนเล็กๆ ผสมให้ทั่วกันดีแล้ว ก็นำมาทาที่รักแร้เพียงบางๆ แล้วปล่อยให้แห้งไปเอง ควรทำตอนอาบน้ำก่อนไปทำงานตอนเช้า จะได้ทำงานได้ตลอดวัน โดยไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ออกมารบกวนใครต่อใคร บางคนอาจคิดว่ายุ่งยาก ลำบาก หาซื้อพวกโรลออนทาง่ายกว่า แต่แนะไว้เผื่อวิธีอื่นไม่ได้ผล ก็ลองดูวิธีนี้ดูบ้าง

**ว่ายน้ำมิให้เกิดเป็นตะคริวขึ้นมา**
ตะคริว หมายถึง อาการที่กล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง ชาไปหมด ความรู้สึกเสียไปถ้าเป็นบนบก ปล่อยให้อยู่นิ่งๆ ก็จะหายไปเอง แต่ถ้าอยู่ในน้ำหรือกำลังว่ายน้ำอยู่จะอันตรายมาก เพราะทำให้จมน้ำตายได้ วิธีแก้ไขหรือป้องกันมิให้เกิดเป็นตะคริวขณะว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำอยู่นั้น เขาให้ดื่มน้ำเกลือ เสียก่อนลงไปว่าย เกลือที่ใช้ก็คือ เกลือแกงในครัวนั่นแหละโดยเอาไปละลายน้ำให้มีรสเค็มพอประมาณ ดื่มเสียให้เรียบร้อยก่อนลงไปดำผุดดำว่ายในน้ำ ทีนี้รับรองไม่เป็นตะคริวแน่นอน

**เป็นบิด** และไม่มียาแผนปัจจุบัน
โรค บิดเป็นโรคทางเดินทางอาหาร เวลาถ่ายจะปวดมวนท้องไส้มาก โรคนี้ส่วนใหญ่ต้องแก้ด้วยยาแผนปัจจุบัน แต่หากไม่มี ก็ให้เอากระชายาสัก 5 ราก เผาไฟบดให้ละเอียดผสมน้ำ แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง ดื่มน้ำนี้สักอึกสองอึก เว้นอีกสักชั่วโมงก็ดื่มอีก ไม่นานก็จะหาย

**ลดอาการไข้ ตัวร้อน**
ตาม ปกติเราก็กินยาแก้ปวดหัวตัวร้อน อย่างพาราเซตามอล แต่หากไม่มี แล้วเกิดอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ขึ้นมา เขาบอกว่าให้ดื่มน้ำมะพร้าวสัก 1 แก้ว แล้วนอนพักผ่อน อาการไข้ก็จะทุเลาลง แล้วให้ดื่มแทนน้ำไปเรื่อยๆ ไม่นานอาการที่ว่าก็จะหายเป็นปกติ

**มีแผลในปากที่ทำให้เจ็บแสบ**
เขา บอกวิธีง่ายๆ ที่จะแก้ คือ ให้กินสับปะรด ยิ่งตรงไหนเป็นแผลให้อมไว้ตรงนั้นนานๆ ไม่ช้าไม่นานก็จะหายไปเอง เหมือนหนามหยอกเอาหนามบ่ง ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนจากหนังสือดังกล่าวข้างต้น ที่เป็นเทคนิคหรือความรู้แบบชาวบ้านๆ ที่แม้ว่าโลกจะก้าวไปไกลเพียงไร แต่ใช่ว่าความเจริญเข้าไปถึงหมดทุกแห่ง ดังนั้นภูมิปัญญาเหล่านี้จึงยังมีประโยชน์และคุณค่าอยู่เสมอ ซึ่งคนสมัยปัจจุบันก็ยังสามารถทดลองใช้ได้ ข้อสำคัญส่วนใหญ่มีราคาไม่แพงและทำให้พึ่งตนเองได้ด้วย

ตำราจีนรักษาโรคไตแทนการฟอกไต

บทความนี้เอามาจาก forwardmail ที่ได้รับเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552

ถ้าข้าพเจ้าได้รับตำรานี้เมื่อ 25 ปีก่อน ลูก ๆ คงไม่ต้องมาร้องเพลงชื่อ “คนอื่นมีแม่ฉันไม่มี” การที่จะเอาเมล็ดลิ้นจี่มาทำยานั้นง่ายมากสำหรับข้าพเจ้าเพราะที่บ้านปลูก ต้นลิ้นจี่กว่า 50 ปีแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันคือยาวิเศษในการรักษาโรคไต คู่ชีวิตจะต้องทรมานเสียเวลา 14 ปีในการฟอกไต และในที่สุดก็ต้องจากไป
ใน ไต้หวันมีผู้คนป่วยเป็นโรคไตจำนวนมากที่ต้องทำการฟอกไต การที่ต้องไปฟอกไตเพราะไตเสื่อมลงจนไม่มาสามารถขัยถ่ายของเสียออก บางทีญาติหรือเพื่อนของท่านบางคนกำลังฟอกไตอยู่ จึงอยากให้ท่านช่วยเผยแพร่ตำราวิเศษออกไปให้ทั่วจะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง คนที่นำไปทดลองใช้จะมีแต่ได้ไม่มีเสียอย่างแน่นอน ช่วยได้ 1 คนเท่ากับช่วยทั้งครอบครัว
ข้าพเจ้า เป็นโรคไตเพราะเป็นโรคเบาหวานนาน 20 ปี ความเป็นทุกข์ทรมานนี้ทำให้ข้าพเจ้า เบื่อต่อชีวิตและคิดจะจบชีวิตตนเองหลายครั้ง แต่มาคิดได้ว่าถ้าเราพ้นทุกข์แล้วทำให้หลายคนต้องรับทุกข์ต่อ ลูกหลายคนยังเรียนไม่จบยังตั้งตัวไม่ได้ จึงจำต้องรับกรรมไปฟอกไตต่อไป มีคนเสนอตำราลับตำราวิเศษให้แต่ไม่เคยเชื่อ ข้าพเจ้าเชื่อแต่แพทย์ปัจจุบันเดินจึงเข้าห้องฟอกไต ขอสู้กับยมราชต่อไป ข้าพเจ้าเกิดนึกถึงคำพังเพยจีนว่า“ม้าตายแล้วให้นึกว่ารักษาม้าเป็น” บางทีชีวิตนี้อาจมีความหวังจึงขอทดลอง
หลัง ฟอกไตครั้งที่ 2 แล้วคุณน้ามาเยี่ยมถามว่าอยากลองตำราวิเศษไหม รับรองไม่ต้องฟอกไตอีกต่อไป ข้าพเจ้าก็ตกลงทันที ตอนบ่ายคุณน้านำซุปเส้งจี้มา 1 หม้อแบ่ง ดื่ม 2 ครั้ง วันที่ 2 นำมาอีก 1 หม้อ (ราว ชามครึ่ง) พร้อมให้กินเส้งจี้อีก ครึ่งลูก ในวันนั้น ปรากฏว่าการถ่ายปัสสวะดีขึ้น พอวันที่ 3 ซึ่งจะต้องฟอกไต แต่หมอตรวจแล้วว่าวันนี้ยังไม่ต้อง ฟอกก่อน ข้าพเจ้าได้ดื่มสุปเส้งจี้ประมาณ 1 อาทิตย์ไปตรวจอีก คราวนี้หมอประหลาดใจมาก แจ้งว่าไตปกติแล้วไม่ต้องฟอกแล้ว
ตำรา วิเศษดังนี้.-- เมล็ดลิ้นจี่สด 7 เม็ด ทุบให้แตกแล้วใช้ผ้าขาวอย่างบาง ๆ ห่อไว้ ซื้อเส้งจี้หมู 1 ลูก หั่นเป็นแผ่นบางล้างให้สะอาดตัดเอาเอ็นสีขาวออก เอาน้ำเซาข้าวครั้งที่ 2 จำนวน 2 ชาม นำเข้าใส่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทำการนึ้งเป็นเวลา 30 นาทีเสร็จแล้วให้ดื่มหมดครั้งเดียวก็จะได้ผล
ข้าพเจ้า ได้พ้นจากฟอกไตเพราะตำรานี้จึงขอความกรุณาทุกท่านช่วยเผยแพร่ตำรานี่แด่ผู้ ที่ป่วยเป็นโรคไตรักษาพ้นจากการฟอกไตด้วย จะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง แม้การบอกต่อนี้ช่วยผู้เป็นโรคไตได้ขอกราบถวายแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์และบุพการีของข้าพเจ้าครับ
ศรีสุนทร
เอามาเพื่อแบ่งปัน ^^

ผลการโหวต Top Web 2009

เอามาจากบล็อกที่ปิดไป เมื่อวันที่ 5/26/09

จากที่ลงไว้เมื่อคราวก่อนหลังจากที่เห็นว่าทาง Hi5 โฆษณาให้ช่วยกันโหวตให้เลยเอามาลงให้ดูเล่นๆว่ามีประเภทไหนบ้าง คราวนี้มาลงเรื่องของผลการโหวตกันบ้าง เพิ่งประกาศเว็บติด 10 อันดับแรกของแต่ละประเภทเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง ประเภทไหนมีเว็บอะไรไปดูกัน ^^

Audio & Music
  1. Amazon MP3
  2. Grooveshark
  3. iTunes
  4. Jamendo
  5. JamLegend
  6. Lala
  7. Last.fm
  8. Nexus Radio
  9. Pandora
  10. Project Playlist
Browsing

  1. Diigo
  2. Firefox
  3. Flock
  4. Google Chrome
  5. iGoogle
  6. Internet Explorer 8
  7. Maxthon
  8. Opera
  9. Safari
  10. XMarks
Commerce

  1. Amazon
  2. Craigslist
  3. Elance
  4. Etsy
  5. Eventbrite
  6. PayPal
  7. Woot
  8. Zillow
  9. ZipRealty
  10. ZocDoc
Communication

  1. Digsby
  2. Dimdim
  3. Gmail
  4. Pidgin
  5. Postbox
  6. RingCentral
  7. Skype
  8. Windows Live Hotmail
  9. Windows Live Messenger
  10. Yahoo Messenger
Infrastructure & Storage

  1. Adobe Air
  2. BitTorrent
  3. Carbonite
  4. DropBox
  5. Dropio
  6. Facebook Connect
  7. Mozy
  8. OpenID
  9. Windows Live SkyDrive
  10. YouSendIt
Location-based services

  1. FlightStats
  2. Goog411
  3. Google Earth
  4. Google Maps
  5. Live Search Maps
  6. OpenTable
  7. PolicyMap
  8. Topix
  9. TripIt
  10. Yelp
Photo & Video

  1. Amazon Video on Demand
  2. Flickr
  3. Hulu
  4. Justin.tv
  5. Photobucket
  6. Picasa Web Albums
  7. Picnik
  8. Ustream
  9. Vimeo
  10. YouTube
Productivity

  1. FreshBooks
  2. Google Calendar
  3. Google Docs
  4. Intuit QuickBase
  5. LogMeIn
  6. Microsoft Office Live Small Business
  7. Microsoft Office Live Workspace
  8. Mint
  9. Remember the Milk
  10. Zoho

Search & Reference

  1. About.com
  2. Answers.com
  3. Ask.com
  4. eHow
  5. Google
  6. Live Search
  7. Scour
  8. WikiHow
  9. Wikipedia
  10. Yahoo
Social & Publishing

  1. Bebo
  2. Drupal
  3. Facebook
  4. Gaia Online
  5. Hi5
  6. Meebo
  7. MySpace
  8. StarDoll
  9. Twitter
  10. Wordpress.com (with Wordpress platform)
Editors' Choice

  1. Amazon Web Services
  2. Aviary
  3. Cuil
  4. Evernote
  5. Farecast
  6. GoodGuide
  7. Google Voice Mobile Me
  8. OAuth
  9. Presently
  10. Twitter Search
  11. Windows Live Sync
ที่มา: cnet.com (กดเข้าไปอ่านรายละเอียดของแต่ละเว็บที่เข้ารอบได้ ทางเว็บนี้เค้าลงไว้แต่เราเอาลิงค์เว็บออกน่ะ)

แอบ กดเข้าไปดูอยู่หลายเว็บในประเภทของ Social Network (Social & Publishing) เว็บนึงที่น่าจะกลายเป็นอะไรที่นิยมและอาจจะได้รับการแพร่หลายได้เร็วกว่า เว็บประเภทเดียวกันในระยะเวลาอีกไม่นานนี้น่าจะเป็นเว็บในรูปแบบเหมือนกับ Gaia Online ที่มาในแนวของเว็บบอร์ดโดยมีตัวการ์ตูน และเกมส์ออนไลน์ กดเข้าไปอ่านต่อได้จากบทความของ cnet.com (ภาษาอังกฤษ)

เว็บน่าสนใจสำหรับชาวกราฟฟิก

เอามาฝากให้ดูสำหรับคนที่ชอบงานกราฟฟิก เว็บนี้มีภาพการฟฟิกให้เพียบ แต่จากที่ดูคร่าวๆก็รูปแบบคล้ายๆกันเรียกว่าจัดเป็นกลุ่มๆได้ชัดอยู่ เอาเป็นว่า ให้ฟรีก็แลวกัน แต่ก็ถ้าเอาของเค้ามาก็ต้องไปอ่านเองเองว่าเอาไปใช้ได้ในกรณีไหนล่ะนะ ส่วนที่ชอบอีกอย่างของเว็บนี้คือส่วนท้ายที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา ตรงที่เป็นคำพูดของนกตัวสีฟ้าๆน่ะ เลื่อนขึ้น-ลงได้ด้วยนะ ไม่ต้องเสียเวลานั่งอ่านหรอก ไปดูเลยดีกว่า http://dryicons.com/ แต่ถ้าจะถามว่าเค้าเอามาให้โหลดฟรีแล้วเค้าได้อะไร สำหรับหลายคนที่มองในแง่ของธุรกิจล่ะนะ เค้ารับออกแบบโลโก้พวก Icon ด้วย แล้วก็มีโปรแกรมทำ Icon ขาย เรื่องแบบนี้ยังไงก็ต้องมีวิธีหาเงินมาใช้ปรับปรุงเว็บกันบ้าง
ความเร็วในการโหลดแต่ละหน้าก็จัดว่าใช้ได้อยู่ เพราะรูปไม่น้อยเลยเหมือนกัน แต่กว่าจะดูได้ครบคนดูคงจะเบื่อไปแล้วเหมือนกัน (วัดความอดทนกันเลยทีเดียวว่าถ้าจะเอาไปใช้ จะทนนั่งเลือกได้นานแค่ไหน) ถ้าจะให้ดี แนะนำว่าไม่ต้องไปเอาของเค้ามาใช้หรอก ดูเป็นไอเดียก็พอแล้วล่ะ จริงๆงานกราฟฟิกมันก็ไม่พ้นรูปแบบแนวนี้ ไม่เรียบๆ ก็ออกวินเทจ ไม่ออกวินเทจก็ไปแนวกราฟฟิตี้ มีรูปบ้างไม่มีบ้าง รายละเอียดเยอะบ้างน้อยบ้างตามแต่คนจะชอบและถนัด
พวกไอคอนต่างๆเดี๋ยวนี้จัดว่าเล่นอะไรกับมันได้เยอะขึ้น รูปแบบไม่ได้มีแค่ที่เห็นๆ แต่ตั้งแบบแปลกๆได้อีกเยอะ ส่วนเครื่องใครจะรับลูกเล่นแบบนี้ได้แค่ไหนก็ต้องไปคอยตามสเปกเครื่อง แล้วต้องดูว่าพวกฟังก์ชั่นเสริมที่อยากใช้มันจะใช้ได้มั้ย งานนี้เรียกว่าเก่งแค่กราฟฟิกไม่พอ ต้องดูเครื่องคอมเป็นด้วยแล้ว ^^

ลงไว้ในบล็อกที่ปิดไป เมื่อวันที่ 5/19/09

e-Paper VS. Thai Chanuan Board

Technology has been developed but these stuff make me think about a stuff for Thai students in the long long time ago. I mean a board which called 'Chanuan Board' in Thai language. It has been written by charcol instead of pencil while current it return into electronic stuff like e-paper of e-book reader (I'm not sure it can be written... if it hasn't that function, it will be able to get input text from user soon.)

However, there are some differences of this Thai stuff and electronic products. First, Chanuan board can't record anything while electronic stuff can do so. Second, Chanuan Board is made from natural materials while electronic... sure!! it has been made from non-natural materials. Finally, electronic stuff seems to be hard to use compare to Chanuan Board for some low-tech people.

The similarity of both stuffs is disapperance of information!!!

จากบล็อกเก่า ลงไว้่เมื่อ 5/11/09

ไอเดียแผลงๆ



ทีแรกก็ว่าจะมาแค่เอาลิงค์จากยูทูบไปลงในบล็อกสอนเสก็ตเฉยๆ พอเจออันที่มันท่าทางน่าดูก็กดไปเรื่อย ดูไปก็เริ่มนึกถึงอันอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเสก็ตบ้าง ส่วนมากนั่งดูเสก็ตน้ำแข็งอยู่ดีๆก็ลามไปบัลเล่ต์ต่อตามด้วยยิมนาสติกประจำ แต่ไปๆมาๆ ความบ้าการ์ตูนเรื่อง Prince of Tennis ที่เริ่มตั้งแต่การดูหนังแล้ว ไปเจอมิวสิคัล พอดูมิวสิคัลไม่รู้เรื่องก็ต้องไปหาการ์ตูนมาดู ล่าสุดไปเอายกเซ็ตมาอ่านเลย (ย้อนศรมาก เค้ามีแต่อ่านจากการ์ตูนกันก่อนนน!!) ทำไห้เกิดปิ๊งไอเดียพิเรนๆอะไรบางอย่างขึ้นมา อ่อ เพิ่งเห็นว่าจีนก็จะเอาเรื่องนี้ไปทำมิวสิคัลของตัวเองด้วย คนเล่น งั้นๆมาก อาจจะเป็นเพราะติดต่ากับเวอร์ชั่นดังดิมตามแบบฉบับของเจ้าของรึเปล่าไม่รู้นะ แต่เราว่าอยากรู้นักถ้าเอามาเล่นเป็นพวก ballet หรือ on ice show งี้ น่าจะแปลกไปอีแบบดีนะเนี่ยยย สงสัยจะได้เป็น Prince of Tennis Ballet ไม่ก็ Prince of Tennis On Ice Show ซะงั้น 555

เออ ถ้ามีโอกาสได้แข่งอีก ว่าจะลองเอาไปเล่นดู (คงลงประเภท Short+Free ไม่ได้ล่ะ งานนี้) แต่จะเล่นเป็นตัวไหนดีน้อ... 555


วาดเอาคร่าวๆมาใส่ประกอบ ขำขำ ประมาณลองดูว่าถ้ามีออกมาจริงนี่จะได้อารมณ์แบบไหน ^^
น่าจาดูออกนะ (สำหรับคนที่ติดตามเรื่องนี้) ว่าเป็นใครบ้าง หุหุ

เพลงที่มีการพูดถึงในการ์ตูนเรื่อง Kiss #2

มารอบสองกับเพลงที่การ์ตูนรื่อง Kiss พูดถึงไว้ต่อ คราวก่อนลงไว้แต่ 3 เล่มแรก คราวนี้มาเพิ่มให้ แน่นอนว่าเลือกอันที่มันถูกหู และหามาลงให้ได้อะนะ
Fallen - Original Soundtrack จากเรื่อง Prety Woman



La Campanella ที่ไม่แน่ใจว่ามันคือเพลง Liszt รึเปล่า แต่อันนี้เป็นอันที่ Jorge Bolet ที่คนเขียนเรื่องพูดถึงนะ



Apple Eyes / Swoop หาอันที่แน่ใจว่าเป็น Original ไม่เจอ เพราะถ้าเป็นอันนี้ โอกาสที่จะไม่ได้ตัดต่อมีน้อยมาก (เล่นเสก็ต ทำโปรแกรมเอง คอนเฟริ์ม!! ว่าไม่มีใครไม่ปรับแต่งพลงก่อนเอามาใช้แน่ๆ)


เล่ม 6 ที่มี 50 อันดับที่อยากให้พระเอกของเรื่องเล่นนี่คงไม่เอามา เพราะเยอะเกินไปนิด แต่ก็มีหลายเพลงที่เอาลงไปในตอนที่แล้วให้ไปแล้วล่ะ เอาเป็นว่า รวบจากเล่ม 6-8 ทีเดียวเลยแล้วกัน
The Heart Asks Pleasure First / Michael Nyman


Sexual Healing / Marvin Gaye [คลิปนี้ ต่ำก่า 18 ห้ามดู 555++]


Polonaise / Chopin อันนี้ขอไม่เอามาใส่นะ เพราะว่าหาได้เองเลย คนเล่นไว้เยอะอยู่

Nekofunjatta ไม่รู้ว่าเอามาถูกอันรึเปล่า


Habanera เรื่อง Camen ได้ละครเวทีมาเรย (เอ๊ะ รึโอเปร่า??)


I won't last day without you / Paul Williams


Wait For Me ใช่อันนี้ป่าวไม่รุ ถ้าไม่ใช่ยังไง ไว้จามาเปลี่ยนทีหลัง หุหุ (แต่เพราะเหมือนกานนน)
ถ้าได้นั่งไล่เพลง 50 อันดับที่ว่าแล้วเจอคลิปเจ๋งๆ ไว้จะเอามาโพสไว้อีกรอบ เพราะมันเยอะมาก บางเพลงก็ชื่อคุ้นๆอยู่ สรุปว่าคราวนี้เลยกลายเป็น Theme ละครไปซะงั้น ส่วนมากที่เอามาลงเป็น mv ซะนี่ เหอๆๆ หลังจากที่คราวที่แล้วลงไว้เป็นแนวๆ ธรรมชาติซะเยอะเลย ^^
Hope You Enjoy ^^

เพลงจากการ์ตูนเรื่อง KISS

เอาการ์ตูนเก่ามานั่งอ่าน แล้วมันนึกอารมณ์เพลงตามไม่ออกเพราะไม่ค่อยฟังเพลง รึบางทีฟังแต่ไม่ได้สนใจชื่อเพลงเลยจดแล้วมาเซิจ... การ์ตูนเรื่องที่ว่าคือ KISS ที่มี 8 เล่ม เกี่ยวกับความรักของเด็กเรียนเปียโนกับครูสอนเปียโน ส่วนเพลงจากที่คนเขียนเอามาพูดถึงก็มีบางเพลงที่ไม่ค่อยจาถูกหูเรานักก็ไม่ได้เอาลงให้ล่ะนะ ^^
ฟรี! รูปภาพไม่จำกัดที่ slide.com Host

Moonlight Sonata ของ Bethoven


Merry Christmas Mr.Lawrence [Original Version] ไม่แน่ใจว่าใช่ของ Sakamoto Ryuichi ที่ผู้เขียนพูดถึงรึเปล่านะ


จากที่เซิจเค้าเขียนว่า Joy เฉยๆล่ะ แต่เพลงเดียวกับ Jesu, Joy of Man's Desiring ของ George Winston


Say You Love Me ไปได้อันนี้มา ไม่รู้ว่า เวอร์ชั่นของ Patti Austin ป่าวหว่า (ก็บอกแล้วว่าไม่ค่อยได้ฟังอะนะ ถ้าไม่มีใครพูดถึงรึว่าไม่ได้ยินบ่อยๆจนอยากรู้ว่ามันคือเพลงอะไรก็จะไม่หา)


Canon (Variatons on the Canon by Pachelbel)


เอาเวอร์ชั่นนี้แถมไปด้วย แปลกหูไปอีกแบบ แต่ถ้าอยากลองฟังหลายๆแบบกดเอาเองได้เลย คนเล่นไว้เยอะมาก แต่อันนี้เป็นไวโอลินไฟฟ้า แล้วเล่นคู่กะเพลงที่เปิดไว้... (ชอบแนวประสานมากกว่าโชว์เดี่ยวง่ะ ^^)


Dancing in the Moonlight ของ Baha Men [อัลบั้ม Kalik]


You Are So Beautiful [Joe Cocker] เอาอันนี้มา สั้นไปหน่อยนะ ^^ เห็นเค้าเขียน Full Lyric ไว้ ไม่รู้ว่า Full จริงๆรึป่าว มันสั้นๆตามคลิปนี้ยังไงไม่รุ เอาเป็นว่าถ้ามันมียาวกว่านี้ก็เอามาลงไว้เป็นหนึ่งในเพลงที่มีการพูดถึงในการ์ตูนเรื่องนี้แล้วกัน


Bible - Okamura Yasuyuki อยากรู้ว่าก่อนปี 2000 คนญี่ปุ่นแต่งตัวยังไง ไปดู~~~
[89年バブル期。 = 89 during the bubble economy. -- ใช้ Google Translate นะ ^^]

Web Design Review ในแบบของมือสมัครเล่น :)

มีแต่เรื่องแย่ๆ มาพูดเรื่องที่มันน่าสนใจกึ่งๆสาระกับบ้างดีกว่า เนื้อหาวันนี้จะพยายามไม่เขียนกระทบใคร แต่มาเพื่อชื่นชมผลงานของชาวบ้านกันแล้วก็เป็นการวิเคราะห์ในเรื่องของการ ออกแบบเว็บ หวังว่าจะเป็นแนวทางในนักพัฒนาเว็ฐของไทยเอาไปดูและปรับแก้ไปให้บรรดาเว็บ ไทยเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นไม่แพ้กับเว็บของต่างชาติกัน ไปดูที่เว็บนี้กันดีกว่า http://www.vektorsektor.com/ เรียบๆง่ายๆ (แต่ในความเรียบง่ายอาจจะมีอะไรยากและซับซ้อนก็ได้นะ) ที่ยกเว็บนี้มาไม่มีอะไรหรอก แค่ไปโดนเอาส่วนของ pre-loader ที่เค้าทำได้เข้ากับ theme ของเว็บ และดึงความสนใจได้ รูปแบบของ pre-loader แบบนีก็ดูเหมือนว่าจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น ตัวโปรแกรมสร้างลูกเล่น โปรแกรมเสริมรองรับให้เครื่องคอมฯสามารถเปิดกราฟฟิกได้ หรือกระทั่งตัวอุปกรณ์คอมฯและโปรแกรมเองที่มีการปรับปรุงเรื่อยๆ

ความ เร็วในการโหลดหน้าเว็บ จัดได้ว่าเร็วใช้ได้ แต่อาจจะเปิดไม่ขึ้นได้สำหรับผู้ใช้ที่ใช้เวอร์ชั่นต่ำๆ หรือไม่ได้ติดตั้ง java หรือตัวรองรับ Flash บนเว็บที่เหมาะสมกับเว็บนี้ แต่ทางเว็บมาสเตอร์ก็ได้แนบโปรแกรมมาให้ไว้แล้วเช่นกัน ดูจากไฟล์ที่เค้าอนุญาตให้โหลดได้เป็น Flash 6 นะ ถือว่าไม่ใหม่มาก อาจจะเก่าไปสำหรับบางเว็บ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเคื่รองเก่าเปิด จะขึ้นมั้ย หรือจะโหลดช้ามั้ย

ส่วนของหน้าเว็บ

  • ความ น่าสนใจเริ่มตั้งแต่การโหลดหน้าแรกแล้ว ที่มีลูกเล่นเป็นลูกบากศ์เลื่อนสลับที่ไปมาและยังคงมีปรากฏอยู่ในหน้าAbout ซึ่งจะสุ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆสามแบบเมื่อมีการรีเฟรชหน้านั้นๆ โดยส่วนของ pre-loader จะมีแค่ครั้งเดียว ไม่ขึ้นบ่อยๆเหมือนอีกกหลายๆเว็บ นอกจากนั้นมีการคุมโทนสีให้อยู่ในกลุ่มสีเข้มสามสีหลักๆคือ ขาว แดง และดำ อาจจะทึมๆไปบ้างแต่ก็ทำให้เว็บดูมีเสน่ห์ตรงที่ไม่หลุดโทนสีไป และดูไม่เกะกะ โดยส่วนตัวคิดว่าเค้าเน้นกราฟิกเป็นตัวดำเนินเรื่องของทุกหน้า ให้คนเล่นได้ ถ้าทำเยอะกว่านี้อาจจะกลายเป็นไม่น่าสนใจได้เหมือนกัน
  • ความ ชัดเจนของการบอกว่ากำลังอยู่ที่หน้าไหน หรือส่วนไหนของเว็บอาจจะไม่ชัดเจนนักเพราะเมื่อกดเข้าในหน้าต่างๆแล้วจะเปิด ขึ้นหน้าต่างหรือแท็บใหม่เลย แม้ว่าหน้าหลักจะยังอยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า ผู้ใช้อาจจะปิดไปซะก่อนเมื่อเห็นว่ามีเว็บเดียวกันสองหน้าหรือสองแท็บ ส่วนของหน้าที่ผู้ใช้กดไปก็ไม่มีเมนูหลักระบุแล้ว หรือกระทั่งปุ่มกลับไปหน้าที่มีเมนูหลัก ส่วนของหน้าก็มีการบอกว่าอยู่หน้าไหนไม่ค่อยชัดเจนนักหรือบางหน้าก็ไม่มี อาจจะทำให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมงงไปหน่อยถ้ากดเข้าไปแล้วลืมว่ากดเข้าไปหน้า ไหน แต่ส้วนหน้าย่อยๆที่อยู่ในหน้าหลักมีระบุไว้ว่ามีอะไรบ้าง
    เว็บนี้ดู เหมือนว่าจะไม่มีผู้สนับสนุนนะ แต่เค้ามีส่วน contact กับ guest book ไว้ แล้วส่วนหน้า latest stuff เค้าก็ใช้โพสลิงค์ไปเว็บผลงานที่เค้าทำขาย และไม่ได้มีเครื่องหมาย copyright ด้วยซึ่งปกติจะมีการวางเครื่องหมายลิขสิทธิ์ไว้ที่ท้ายเว็บกัน
  • ความสามารถในการเข้าถึงของโปรแกรมอินเตอร์เน็ตต่างๆ เช่น Safari, Firefox หรืออื่นๆคงจะไม่พูดถึงคงต้องไปลองกันเอง
  • ความ เป็นปัจจุบัน ทางเว็บมาสเตอร์ก็ใส่ไว้ในหน้าของ Latest Stuff ไปแล้วและดูเหมือนไม่ค่อยอัพเดท แต่จุดประสงค์เพื่อการค้าจะลิงค์ไปเว็บอื่นแทนซึ่งก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆ (ก็เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป ที่จะให้ฟรีหมดแล้วจะเอาอะไรกิน)
  • และ ส่วนสุดท้ายที่เราอยากจะพูดถึงคือส่วนของเสียงที่ไม่สามารถตั้งปิดเสียงได้ ถึงจะมีเสียงแต่เสียงก็ยังคงสั้นๆ เหมือนการเล่นเกมทั่วๆไป

ในมุมนองของเรา เรามองแบนี้ คิดเหมือนหรือต่างกันยังไงก็ลองเสนอมาได้ :)

จากบล็อกที่ลงไว้เมื่อ 12/12/08 ตอนนี้เว็บที่ว่าคงมีการปรัับปรุงไปอีกเยอะ ตอนนั้นรีบลงเลยไม่ได้ทำ Screen Copy ไว้ให้ดู

อาชีพนักกีฬา... กับประเทศไทย

วันนี้ขอยกข่าวกีฬามาสองอัน กับคำถามอีกหลายๆคำถามที่เราว่าคงมีหลายคนที่อยากจะถามแบบนี้เหมือนกัน... (จากบล็อกที่ปิดไปแล้ว ที่ลงไว้เมื่อ 8/22/08)

คนไทยได้บทเรียน จากน้องเก๋ และ วรพจน์
ถ้า คนไทยไม่เพียงแค่เฮตามกระแส "ฮีโร่" โอลิมปิก แต่พยายามสรุปบทเรียน จากชัยชนะ และความพ่ายแพ้จาก "น้องเก๋" และ "วรพจน์" ที่ปักกิ่ง บางทีเราอาจจะได้ประโยชน์สำหรับทั้งประเทศมากกว่านี้
เพราะในชัยชนะและ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเสียงหัวเราะและน้ำตาที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปจนถึงการแข่งขันกีฬา ชาติ ภูมิภาคและระดับโลกคราวหน้าเท่านั้น หากแต่ยังมีประเด็นที่ทำให้คนทั้งประเทศต้องเรียนรู้มากมาย
ถ้าคนไทยไม่ ใช่เพียงแค่สนใจว่า "น้องเก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล จอมพลังสาวเหรียญทองปักกิ่งเกมส์ มีแฟนแล้วหรือยัง หรือชอบกินอะไรเป็นพิเศษ หากแต่ฟังเธออย่างลุ่มลึกกว่าเพียงแค่คำถามคำตอบผิวเผิน ก็จะได้ความเห็นอันมีค่าและลึกซึ้งหลายประการ
เธอพูดหลายครั้งในหลาย โอกาสตั้งแต่กลับจากปักกิ่งว่า "ผู้ใหญ่" ในบ้านเมืองควรจะได้รับรู้ว่านักกีฬาระดับชาติที่คนทั้งประเทศตั้งความคาด หวังไว้อย่างสูง และถือเป็นความภาคภูมิใจระดับสากลนั้น ความจริงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
น้องเก๋ บอกว่า "พวกเราหลายคนไม่รู้อนาคตตัวเอง หลายคนไม่มีโอกาสเรียนหนังสือเพิ่มเติม และหลายคนเมื่อแข่งขันเสร็จแล้ว ไม่มีงานทำ..."
คนไทยฟังแล้วก็ผ่านไป ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่เกี่ยวกับเรื่องกีฬาได้ฟังแล้วก็กลับไปทำอะไรเหมือน เดิม...เพราะเราต้องการแต่เพียงผลที่คนทั้งประเทศต้องการ แต่ไม่มีใครลงมือแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
เพราะเราไม่มีแผนระดับชาติในการสร้างนักกีฬาระดับโลก...เพราะเราปล่อยให้มีนักกีฬาไทยระดับโลกตามมีตามเกิด
และ เมื่อนักกีฬาคนไหนสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติแล้ว ก็ตื่นเต้นยินดีกับเขาหรือเธอเพียงระยะสั้น จากนั้นก็ลืมพวกเขา ทิ้งให้แต่ละคนดิ้นรนต่อสู้ในชีวิตของตนเองต่อไปอย่างคนที่ "โลกลืม"
น้อง เก๋ พูดเตือนสติคนทั้งชาติด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล แต่คนไทยที่ฟังเธอควรจะต้องได้สติจากความเห็นของ "ฮีโร่" คนล่าสุดของประเทศ เพราะเธอเป็นคนมี "สาระ" และต้องการจะพูดเรื่องที่เป็นเนื้อหาของการสร้างนักกีฬาระดับชาติของประเทศ มากกว่าที่จะตอบคำถามผิวเผินไร้ความหมายอย่างเช่น "หนูมีแฟนหรือยัง?" หรือ "ตื่นเต้นไหม?"
วรพจน์ เพชรขุ้ม นักมวยไทยที่พ่ายคู่ชกจากคิวบา นั้น แม้จะแพ้แต่ก็ให้บทเรียนอันมีค่าสำหรับคนไทยทั้งประเทศ
ภาพ ที่เขาร้องไห้หลังจากลงจากเวทีที่เราเห็นบนจอทีวีนั้น เป็นการสะท้อนความรู้สึกของนักกีฬาระดับโลกของไทย ที่ไม่อาจจะทำให้ความฝันของคนไทยทั้งประเทศเป็นจริงได้ เป็นการแสดงความรับผิดชอบของนักกีฬาที่รู้ว่าคนทั้งประเทศตั้งความหวังไว้ สูงยิ่งสำหรับเขา แต่เป็นความผิดของวรพจน์ หรือเปล่าที่ทำให้คนไทยไม่น้อยผิดหวัง?
เปล่าเลย คนไทยต่างหากที่ตั้งความหวังไว้สูงแต่ไม่ได้ทำอะไรให้เขาสามารถยกระดับความ สามารถให้เทียบทันกับฝีมือระดับโลกที่จะแข่งเหรียญทองได้ ดูจากการพันตูระหว่างวรพจน์ กับนักชกคิวบา ที่ชื่อแยนเกล ลีออน อลาร์กอน แล้วก็ต้องยอมรับว่าฝีมือของนักชกไทยเรายังห่างชั้นกับมาตรฐานโลกอยู่ไม่ น้อย แต่วรพจน์ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถแล้ว และคงจะร้องไห้เพราะรู้ว่าที่ดีที่สุดของตัวเองยังไม่ดีพอสำหรับความความคาด หวังของคนไทย
แต่มาตรฐานโลกนั้น (ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬาหรือด้านไหน) ไม่อาจจะสร้างได้เพียงแค่ตัวนักกีฬาเท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ตั้งแต่รัฐบาลลงมาถึงคนไทยในวงการต่างๆ ในภาคเอกชน และวงการวิชาชีพ ที่จะต้องถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันในการ "สร้างคน" อย่างเป็นระบบ และต้องระดมสรรพกำลังจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพยากรการเงิน การสนับสนุน ความร่วมมือทั้งจากครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน และเครือข่ายสังคมทั้งหลายทั้งปวง
ความสำเร็จทางการกีฬาเป็นมาตรวัด มาตรฐานของคุณภาพคนของประเทศนั้นๆ ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่ผ่านมา เรามองนักกีฬาเป็นเพียง "ตัวละคร" ของความบันเทิงสำหรับสังคมไทยที่ต้องดิ้นรนช่วยตัวเอง และฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการด้วยตนเอง เราเพียงต้องการหัวเราะกับชัยชนะ แต่เรามักจะถอยหนีจากความพ่ายแพ้เกือบจะทันที...เพื่อร่วมฉลองกับผู้ที่แสดง บทเป็น "ฮีโร่" คนต่อไปเท่านั้น โดยที่เราไม่เคยสำเหนียกว่าชัยชนะที่แท้จริงนั้นคือการเรียนรู้จากความพ่าย แพ้เลย

แหล่งที่มา
กรุงเทพธุรกิจ

อันนี้จากความเห็นใน พันทิป เกี่ยวกับนักฟันดาบ...
ขอ ระบาย อยากเล่าให้ฟัง เรื่องก็คือว่าคุณวิลลี่ วิระเดช คอทนี่ย์(ถ้าสะกดชื่อผิด ขออภัยด้วยครับ)เป็นคนไทย ที่ไปใช้ชีวิตอยู่เยอรมันตั้งแต่ 3 ขวบ เล่นกีฬาฟันดาบ และมีฝืมือค่อนข้างสูง นิสัยดี ขยันขันแข็ง8 ปีก่อน ได้เหรียญทองแดงในกีฬาฟันดาบประเภท เซเบอร์ จากโอลิมปิค ให้แก่ประเทศ"เยอรมัน"ขณะนั้น อายุ 21 ปี
ไม่ ค่อยแน่ใจว่าได้รับการติดต่ออย่างไร ถึงได้มาขอใช้สัญชาติไทย และคัดเลือกเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยแต่เป็นสิ่งที่คุณวิลลี่ ภาคภูมิใจมากว่าได้รับเกียรติเป็นตัวแทนประเทศไทย
แต่ เนื่องจากสมาคมฟันดาบของประเทศไทยมีการจัดการที่ยังไม่ค่อยดีนัก...การจะ เข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปีค นอกจากการเข้าคัดเลือกทั่วไปแล้ว นักกีฬายังจำเป็นจะต้องมีอันดับ (Ranking) ในระดับโลกที่ค่อนข้างสูงอีกด้วย ซึ่งมาจากการเก็บแต้มในทัวนาเม้นท์ต่างๆ
- จุดนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม และมีส่วนกับการคัดเลือกแค่ไหน แต่เอาเป็นว่า สำคัญ
การ ฝึกซ้อมกับนักกีฬาที่ฝืมือใกล้เคียงกันเพื่อคงระดับความสามารถ หรือพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ก็จำเป็นต้องหาคู่ซ้อมหรือโค้ชต่างประเทศซ้อมที่ไทย ไม่ใช่ซ้อมไม่ได้ แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าไปหาคู่แข่งที่เก่งกว่าตัวเอง ไปแข่งในทัวนาเม้นท์ระดับโลก ของทางยุโรป
ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่ง"จำเป็น" ในการพัฒนาฝืมือ เพื่อเป้าหมายในการชิงเหรียญทองโอลิมปิค
แต่ สมาคมไม่ได้มีการจัดการที่ดีในระดับที่ควรจะเป็นกลับให้นักกีฬาดิ้นรนจัดการ เรื่องดังกล่าวเอง โดยให้"สำรองจ่ายไปก่อน" แล้วมาเบิกกับสมาคมฯ คือสนับสนุน แต่ต้องดิ้นรนก่อนนะ
แล้วเรื่องมัน เป็นไงคุณวิลลี่ก็พยายามเต็มที่แต่ เอาเงินจากไหนมาจ่ายล่ะ? เอาวะ ขอกู้ธนาคารเลย เอ้า ทุ่มเทแล้วเป็นไงล่ะ สมาคมฯ ก็ไม่จ่ายคืนให้น่ะสิ!! (คุณโง่จ่ายก่อนทำไม คือ คำพูดที่บางคนในสมาคมฯ พูดใส่วิลลี่)
นั่น แค่เรื่องเงิน ซึ่งโดยส่วนตัว คุณวิลลี่ค่อนข้าง ทำใจ เอาไว้แล้ว ว่าอาจจะไม่ได้คืนแต่เรื่องที่วิลลี่ต้องออกมาพูด เพราะเขาคิดจะเลิกเล่นกีฬานี้ (เลิกเข้าแข่งขัน แต่อาจจะยังเล่นเป็นกีฬาสำหรับเขา) แล้วเขาเป็นห่วงอนาคตของนักกีฬาฟันดาบของประเทศไทย ในเรื่องต่างๆ ซึ่งถ้าเขาไม่พูด มันก็คงไม่มีใครรู้...
โดย เฉพาะในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคครั้งนี้ ขาดการประสานงานที่สมควรจะทำเป็นอย่างมาก จนทำให้ นักกีฬาฟันดาบของไทยทั้งสองประเภท ไม่สามารถจะมีผู้ฝึกสอนอย่างเหมาะสมได้เกือบไม่ได้ลงแข่ง เพราะมีมีผู้จัดการเข้าไปรับฟังกำหนดการและการจับสลาก เพราะ "ผู้จัดการ" ยังไม่ได้ไปที่ปักกิ่ง "เขา"ไปก่อนวันแข่ง แค่วันเดียว (ผู้จัดการ ก็ไม่ใช่โค้ช หรือผู้ฝึกสอนด้วย)
วิลลี่จึงอยากจะให้สมาคมฯ ทำ ตัว ให้ ดี กว่า นี้ เถอะ ขอ ร้อง!!!
อ่านกระทู้แนะนำเลยครับ เพื่อความสะใจ หาดูรายการย้อนหลัง จับเข่าคุย ช่อง3 เวลาประมาณ 5 ทุ่ม วันที่ 18 ด้วยนะครับ
จากคุณ : มาม่าไข่มะตูม - [ 21 ส.ค. 51 00:56:36 ]


ส่วนคำถามของเราคือ...
  1. จะ ตั้งสมาคมกีฬามาทำไม ถ้าไม่สร้างให้นักกีฬาเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนยอมรับ (ที่จีนเค้าได้เหรียญกันเยอะแยะเพราะถ้าเค้าเป็นนักกีฬาแถวหน้าได้ เค้าถึงจะมีกิน เป็นอาชีพที่คนยอมรับ และรัฐสนับสนุนเต็มที่)
  2. กีฬาในเมืองไทย อยากรู้ว่าเค้าไปเอาเหรียญมาแบบนี้ จะจ่ายค่าเรียน ค่าซ้อมที่เค้าเสียไปคืนมั้ย
  3. ถ้า มีใครสักคนที่เสนอตัวเองไปแข่งด้วยการยัดเงินให้ (ฝีมือพอมีด้วยนะ) แค่ต้องการให้ดูดีว่าไปแข่งระดับโลกมา สมาคมจะอนุมมัติมั้ย... ถ้างั้น คนรวยๆก็มีสิทธิ์มากว่าใช่มั้ย (อันนี่คิดว่าไม่น่ามีใครทำ แต่แค่อยากรู้ว่าถ้ามีคนทำจริงๆล่ะ)
  4. แล้ว กีฬาอื่นที่ไม่มีคนสนใจล่ะ ก็อารมณ์สมาคมมาเอาหน้าเหมือนกัน แต่เพราะใจเค้ารักที่จะทำบวกกับพรสวรรค์ที่เค้าเสียดายถ้าไม่เล่นต่อ ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าไม่ได้อะไร...

ด้านมืด... ที่ดูเหมือนว่าเราจะมองเห็นอยู่คนเดียวรึป่าวเนี่ย!!

ตั้งแต่มาอยู่ UK รู้สึกว่าขาดอินเตอร์เน็ตไม่ได้... แต่อีกใจนึงเริ่มคิดว่าถ้ามันไม่มี มันไม่ได้เป็น เหมือนที่เราเคยมีเคยเป็นล่ะ โลกจะเป็นยังไง...
เมื่อก่อน เราไม่ได้มีมือถือ ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีการสื่อสารข้ามโลกได้ขนาดนี้ แต่ทำไมเราถึงอยู่กันได้ แต่วันนี้แทบหาทางไม่เจอด้วยซ้ำว่าจะอยู่กันได้ยังไงถ้าไม่มีพวกนี้...
ถึง จะเป็นแค่ 0.0001% ที่จะเป็นไปได้ว่าวันนึงโลกจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อวานที่ไม่มีอะไรเลย แต่เราก็อยู่กันได้ อาจจะต่างแค่ว่าต้องใช้เวลาปรับตัวและทำใจอีกระยะนึงใหญ่ๆเลย เพราะชีวิตที่มีอินเตอร์เน็ต ทำให้คนขี้เกียจมากขึ้น สบายมากขึ้น สะกวดจนลืมไปว่าเมื่อวาน เราแอคทีฟกันขนาดไหน เราขัยนกันแค่ไหน... เราไม่ต้องหาเงินมาเพื่อของพวกนี้ ไม่ต้องคอยตามซื้อใหม่เพื่อให้ทันกับคนอื่นจนกลายเป็น "บ้าเทคโนโลยี" ปัญหาสังคมก็คงจะเยอะขนาดนี้ ที่คนทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเทคโนโลยีล่าสุด (หรือเกือบล่าสุด)
เรา เคยคิดเหมือนกันว่า เอาแค่ว่าถ้าวันนึงแค่การโพสคำถามลงบนอินเตอร์เน็ตก็เสียเงินแล้วเนี่ย คนจะยังคิดยังไง!! ถ้าวันนึงที่อินเตอร์เน็ตไม่ให้เราใช้เป็นที่เก็บรูป ข่าวหรือข้อมูลไม่มีให้อ่านฟรี... คนจะยังใช้อินเตอร์เน็ตอยู่มั้ย... ถ้ามันเป็นขนาดนั้น งานนี้คงไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่าการร่วมมือกันบอยคอตผู้ให้บริการเน็ตไปสัก ระยะ แต่กี่คนที่จะอดทนไหว!! คนมีเงินมันก็พูดได้ว่ามันจ่ายได้ แล้วคนที่ไม่มีล่ะ อ่อ แล้วถ้าคนมีเงินคิดว่าจ่ายได้น่ะนะ ถ้าคนที่เค้าไม่มีเงินเค้าไม่เอาด้วย ยังคิดว่าจะยังทำธุรกิจได้อยู่อีกเหรอ...
หวังว่ามันคงไม่เลวร้ายได้ขนาดที่เราคิดนะ!!!
แค่คิดเผื่อไว้ว่าจะทำยังไงกุนต่อไปถ้ามันเกิดขึ้นจริง แต่ถ้ามันไม่มีก็แล้วไป แค่นั้น...
เพราะ เราคิดว่าคงไม่มีใครคิดแบบนี้ เชื่อแบบนี้ แต่ยิ่งมีคนไม่เห็นด้วย มีคนไม่เชื่อมันจะยิ่งมีโอกาสเกิดขึ้นจริง!!! นี่คืออะไรที่เราสังเกตมาตลอด... ก็ดูกันเองแล้วกันว่าจะเป็นยังไง... เราก็คิดว่าเราไม่น่าจะอยู่ได้เหมือนกันถ้าไม่มี... อินเตอร์เน็ต!!!

ลงไว้ในบล็อกที่ปิดไป เมื่อวันที่
6/16/08

Web Review #1 - Facebook+Hi5

เราอาจจะยังไม่มีความรู้มากนักเรื่องเทดนิคของ เทคโนโลยีต่างๆ แต่เราคิดว่าในฐานะผู้ใช้เราก็พอบอกได้ว่ามันควรจะมีอะไรและไม่จำเป็นต้องมี อะไร แต่... ขอกรูบ่นก่อนนน
Facebook... application เยอะไปไหนวะแถมยังแบบว่าถ้าเพื่อนไม่เล่นด้วยก็เปิดบางอันไม่ขึ้น ที่รำคาญที่สุดคือ ชนิดเดียวกันช่วยเอามารวมเป็นอันเดียวได้ป่าววะไม่งั้นก็ให้มันใช้ด้วยกัน ได้ไปเลยเหอะ
  1. Gift เราไป add gift application มาสองอัน เพื่อนส่งมาอีกแทนที่จะเข้าอันที่เรามีอยู่แล้ว ไม่เข้า แต่ต้องไปเอา application ใหม่มาใส่ รกว่ะ...
  2. พวก quiz ทั้งหายก็ส่ต่อเพื่อนอีกกว่าสิบคนมันถึงจะขึ้นซึ่งเรา
    เผยแพร่บทความ
    มีไม่ถึงง่ะ แล้วก้อแบบ... ขอเล่นส่วนตัวหน่อยได้มะ
  3. พวก สัตว์เลี้ยงใน Fackbook ด้วยเหมือนกันต้องหาแต้มสะสม อารมณ์แบบหาเงินมาเลี้ยง แล้วเพื่อนใน Facebook กรูมีเยอะซะที่ไหน ถ้าอยากให้เอาไอ้พวกนี้มาใส่เนี่ย
  4. ส่วน ของ Customization ยังไม่มีให้ปรับแต่งหน้าตา (หมายถึงเปลี่ยน BG เปลี่ยนสีอะไรแบบนี้) และไม่มี Layout แบบอื่นให้เลือกอีกตะหาก แต่คิดว่าสักวันคงมี เหมือน Hi5 ง่ะ...
Hi5... ยอดนิยม?? ไม่รุ!?! แต่เอาเป็นว่าเค้ามีให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปแจ้งได้ถ้ามีปัญหาอะไร อารมณ์แบบ พัฒนาไปให้บริการไปด้วยประมาณนี้ ที่ดูๆแล้วก็ดีในหลายๆเรื่อง แต่...
  1. Comment เด่วมีเด่วหาย บางทีเม้นไปเด้งออก แบบ error หาว่าเม้นเกินกำหนดของวันทั้งๆที่ยังไม่ได้เม้นให้คัยสักกะคน!! และมันจะมีวิธีตั้งปรับ comment ให้เท่าๆกับฝั่งซ้ายได้มั่งป่าววะ
  2. Scrapbook - Status จะเอายังไงแน่ฟะ ตกลงจะให้เป็นส่วนตัวหรือจะให้คนอื่นมาโพส !?! เอาสักทางเหอะว่ะ...
  3. Online อันนี้จิงๆไม่ต้องมีก็ได้นะ เพราะถ้าใครอัพเดทอะไรมันก็ขึ้นที่หน้า home ให้อยู่แล้ว และบางที เค้าออนมาก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะมาอัพเดทด้วย...
  4. เรื่องการจัดหน้าที่แย่กว่า Facebook คือล็อกหมดเรยยย -_-" แต่มันก็ดีตรงที่ว่าไม่วุ่นวาย ให้กรูทำ BG เอาขึ้นเองก้อดีถมแล้วว่ะ หุหุ
  5. ....แม้ว่าตอนนี้เราสามารถจัดเรียงรูปในอัลบั้มได้แล้วก็ตาม แต่... ไม่เหงมันจาได้ผลง่า.......
  6. ไอ่ส่วนของ School ด้วยเราใส่สามอันแต่มันสลับกันให้ซะงั้น... แก้เท่าไหร่ก็ไม่ได้ซะที...
  7. ที่ ชอบคือ Sandbox ของ Hi5 ที่ให้คนเล่นเข้าไปลองเอา application ใหม่ๆมาใช้ดูเพราะว่าบางอันระบบมันยังไม่เข้ากับ Hi5 เราก็ไปลองเปิดอันนึงแต่ไม่ขึ้นว่ะ ไม่รู้ว่าคอมเราเองหรือระบบมันยังไม่ได้ แต่เค้าก้อมีบอกไว้ว่าบางอันมันจะยังใช้ไม่ได้ แต่คิดว่าถ้ารู้ว่าควรจะแก้ยังไงก็ส่งไปบอกเค้าได้ (คิดว่านะ) เราคิดว่ามันเป็นไอเดียที่ดีสำหรับเว็บอื่นที่จะเอาวิธีนี้ไปใช้เพื่อพัฒนา เว็บได้นะ... :)

สิ่งที่เราคิดว่า Hi5 น่าจะพัฒนาได้คือ...

  1. การ Set ว่าจะให้รูปไหนเป็นปกอัลบั้มมันหายไปหนายยยยย ห๊า...
  2. น่าจะตั้งได้ว่าจะเอาอัลบั้มรูปไหนมาโชว์บน Profile หรือจะให้โชว์กี่อัลบั้ม (เหมือน Top Friends ไง)
  3. School ช่วยเพิ่มประเทดให้กรูด้วยยย โรงเรียน กะมหา'ลัยกรูไปอยู่ประเทดอื่นซะงั้น....
ปล. อันนี้เอาจากบล็อกที่ปิดไปมารวมไว้ เพราะจะได้อัพมันทีเดียวไปซะ เยอะแล้วไม่ได้อัพเดทไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม (ลงไว้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2008)

Friday, January 08, 2010

วิธีดื่มน้ำ จากคุณหมอ

วิธีดื่มน้ำ จากคุณหมอ [Forward Mail :: 7 มกราคม 2553]

ในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น


เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของตัวเองหรือยังครับ
ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับน้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน

ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ
(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ

ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ และลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้ กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว
เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือดเพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร

ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ
ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า เลิกเบียร์กันไป
แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น
ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ
หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามินสารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย
เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดีเกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน


มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร
อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง

อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ
ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน555 ว่าไปนั่น

ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ

ปล. If you trust me ก็นำไปปฏิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก