Sunday, November 13, 2011

รายการของขวัญ



ฟอร์มเก็บบันทึกรายการของขวัญ มีวันเกิดไว้ให้ก็จริง แต่จะเป็นเทศกาล หรือโอกาสอื่นๆก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ถ้าใครที่ประสานงาน (เอ๊ะ หรือประสานงา หว่าาาา) อาจจะต้องมีการให้ของขวัญลูกค้าบ้าง อันนี้ก็น่าจะพอช่วยได้ จะได้ให้ไม่ซ้ำคน ไม่ให้ของซ้ำกับปีที่แล้ว ซึ่ง เราๆมักจะเจอกันประจำเลย 555

แถมวิธีใช้มาให้จะได้ไม่งง เป็นเวอร์ชั่นประหยัดกระดาษ ลงแค่ A4 ก็ได้แล้ว หน้าแบ่งเดือนก็ลงทุนสีนิดนึง จะได้น่าใช้หน่อย ส่วนหน้าอื่นเป็นขาวดำก็พอ จะได้เอาไปซีร็อกซ์เพิ่มได้ ถ้าไม่อยากเสียเงินปรินท์สำหรับคนที่ไม่มีเครื่องปริ้นท์ต้องไปหาร้าน

รูปเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.278537772185683.66805.100000883885522&type=1&l=781355dd9b

จะเอาไปใช้หรือเผยแพร่ต่อก็ ช่วยโปรโมต ให้ จขบ. มีผลงานเพิ่มด้วยจ้าา พอดีว่าช่องเงินเข้าน่ะ ไม่ค่อยมีซะด้วยสิ ^ ^
ปล. ถ้ากดเข้าไปดูไม่ได้ก็ แอดเพื่อนมาก่อนนะ ^ ^

จัดการเงินในแต่ละเดือน



เพราะเป็นคนชอบสะสม.. สมุดบันทึกแบบแปลกๆ แปลกทั้งฟังก์ชั่น รูปประกอบ การจัดเล่ม การเข้าเล่ม ฯลฯ แล้วแต่ความชอบ หลังๆมีเยอะจนต้องเลือกดีๆ แต่กี่เล่มก็ยังไม่ค่อยมีถูกใจจริงๆให้เห็น คงเพราะความต้องการไม่เหมือนคนอื่นรึเปล่าไม่รู้

ส่วนอันนี้ กะจะใช้ Indesign แต่ว่าไม่ได้ทำเป็นเล่มจริงจังขนาดนั้น (ถ้าเอาไปลองใช้แล้วเวิร์ค ก็คงทำลง InD แทน) จุดประสงค์ที่ทำออกมาเพราะว่าเอาไว้จัดระบบการใช้เงิน​... (ของตัวเอง) จัดไปเลยว่าจะใช้ส่วนไหน กี่เปอร์เซนต์ และคิดเป็นกี่บาท ในแต่ละเดือน (ดูเลวไปหน่อยตรงที่ว่า จะแบ่งทำบุญเท่าไหร่.. อ๊ะๆ มีปัญญาใช้เงินเสวยสุขแล้วก็ต้องแบ่งปันคนอื่นบ้าง) แต่ลืมช่องของการลงทุน​...

เงินที่ลงทุน ขึ้นกับว่าลงทุนอะไร ถ้าลงทุนผ่านประกัน ไปลงช่องที่เป็นรูปคน หมายถึงตัวเองก็ได้ เพราะสุดท้ายมันก็เพื่อตัวเ​ราเอง ถ้าเป็นหุ้น เล่นแบบไม่ได้ถือยาว อาจจะไปไว้รวมกับช่องที่เป็นรูปเหรียญ - เงินเข้าเงินออก - คงมีได้บ้างเสียบ้าง ส่วนเป็นการลงทุนด้วยการซื้​อข้าวของมาทำธุรกิจ ไปลงช่องถุงชอบปิ้งที่มีเครื่องหมายถูกแทน เพราะมันเป็นของต้องใช้ทำมา​หากิน... การเดินทาง ก็จัดเป็นการลงทุนด้วยเหมือ​นกันนะ (โดยเฉพาะคนที่ทำ Freelance ที่ต้องไม่ลืมเอาไปอยู่ในค่​าบริการที่ลูกค้าต้องจ่าย)

ฟอร์มจัดการเงินอันนี้ทำไว้ 2 เวอร์ชั่นสำหรับนคที่อยากปริ้นท์สีไว้ให้ดูน่าใช้ กับแบบประหยัดหมึกสำหรับคนที่เอาไปใช้งานจริงมากกว่าเอ​าสวย (ไปใช้ปากกาสีๆเขียนแทนเอาก็ทำให้ดูน่าใช้ได้แล้ว)

รูปเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.278537772185683.66805.100000883885522&type=1&l=781355dd9b

จะเอาไปใช้หรือเผยแพร่ต่อก็ ช่วยโปรโมต ให้ จขบ. มีผลงานเพิ่มด้วยจ้าา พอดีว่าช่องเงินเข้าน่ะ ไม่ค่อยมีซะด้วยสิ ^ ^

ปล. ถ้ากดเข้าไปดูไม่ได้ก็ แอดเพื่อนมาก่อนนะ ^ ^

ลองเล่น Brush ใหม่ #1


อันแรกเป็น Photoshop Brush แบบ Ghost / Smoke แต่ไปโหลดมา เอามาลองใช้เล่น เอาจริงๆอยากทำเองเป็นมากกว่า
สัวนอีกภาพ ทำเล่นๆง่ายๆ ใช่ Photoshop Brush ที่มากับหนังสือ Computer Arts Thailand เป็น Brush แสงอาทิตย์ (ในเซ็ตมี 8 แบบ) กับ Christmas Trees ที่ไปโหลดมาจากแหล่งเดียวกับ Brush แบบภาพแรก

เวลาอารมณ์ติสมันมา มันจะมาแวบเดียว (แต่ก็มาบ่อยอยู่) เลยต้องรีบจัดการเก็บไว้เป็นงานตัวอย่างก่อนไอเดียจะหายไปเพราะไม่ได้ลงมือทำ...

เวลาโหลดพวกนี้มา มันเป็นงานที่มีลิขสิทธ์ ถึงจะบอกว่าฟรีก็เถอะ... แต่มักจะระบุว่าถ้าเอาไปทำเป็นการค้าคนที่เอาไปใช้อาจโดนฟ้องร้องได้ แต่การค้านี่หมายถึงยังไง ในเมื่อถ้าเอาไปทำสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อโฆษณามันก็ใช้ในเชิงการค้าแล้ว แต่ของบางคนบอกชัดเจนว่าการค้าเค้าคือ ห้ามเอาไปทำเป็นแพ็ค Brush แล้วขาย แต่เอาจริงๆจะมีใครรู้บ้างว่าจะมีคนที่รวมพวกนี้ที่เอาขึ้นเว็บฟรีไว้ไปลงซีดีมาขายมั้ย???

... เชื่อเลยว่าต้องมีคนทำ ตราบใดที่ยังมีพวกที่ขี้เกียจโหลดเองเป็นลูกค้าอยู่ ...

Sunday, October 09, 2011

หลังๆนี่ชักจะเปิดๆปิดๆบล็อกเป็นกิจวัตร...

หลังจากที่ได้เห็นเว็บของ Makeup Box ใช้เว็บบล็อกของ tumblr. ที่จัดหน้า Archieve แบบเรียงเป็นช่องเล็กๆ ก็เลยอยากเล่นบ้าง สมัครไปลองใช้ซะงั้น แล้วก็โพสเพลงบ้าง เนื้อเพลงบ้างที่ย้ายไปจาก Exteen จะได้แยกหมวดไปชัดๆ เพิ่งเข้ามาดูที่นี่ Blogger ก็มีให้เล่นกะเค้าด้วย งานนี้สงสัยว่าจะได้ไปปิด Tumblr. ซะ หลังจากที่รู้สึกว่า พวกวีดีโอที่โพสไว้มันขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง และมันจะออกแนว Twitter มากกว่าที่จะเป็นบล็อก ^^ (ทำให้รู้สึกรำคาญไปบ้างสำหรับคนชอบเขียน... ไม่ค่อยเข้าหูเข้าตา... คนอื่นนัก)
เอาเป็นว่า จะเก็บ Tumblr. ไว้ก่อนสักระยะ ดูว่าจะมีอะไรเปลี่ยนบ้าง หรือถ้าเบื่อไม่อยากไปนั่งโพสเพลงแล้วเพราะใน Youtube มีเยอะแยะไปก็อาจจะไปปิดจริงๆ (หน่วยความจำว่างๆในสมองจะได้เพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องมานั่งจำรหัสเข้าไง อิอิ)

ข้อเสียขณะนี้คือ... มันยังปรับแต่งอะไรเองมากไม่ได้ นอกจากว่าจะรู้พวก CSS ไปจัดปรับแต่งเอาเอง และหลายบล็อกที่จัดเองแล้วจะไปใช้ร่วมกับพวก Theme ที่เค้าให้มาไม่ค่อยได้ซะด้วยสิ อย่าง html/java โฆษณาประเภท Affitiate Program ที่เคยตั้งๆไว้หายไปแล้ว ถึงเอาไว้ก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยให้มีรายได้นัก (โดยเฉพาะของ Amazon ที่มันไม่ค่อยยอมส่งโซนเอเชีย) ไปยกเลิกท่าจะดี ^^

Tuesday, April 12, 2011

Thursday, April 07, 2011

การกำจัดโรคมะเร็ง

หลังจากหลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทางเลือกเดียวที่จะ ลองและใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ก็
เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์

1. ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่มากพอจนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น

2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้ง ในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง

3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง เพียงพอ เซลมะเร้งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก

4. เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม
อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต

5. เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการการเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

6. การทำคีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษ กับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯและเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ

7. การฉายรังสี แม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ

8. การบำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก

9. เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโม หรือการฉายรังสีมากเกินไประบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น

10. การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย

11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง
a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น นิวตร้าสวีต' อีควล สปูนฟูล ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ ' แบรก อมิโน ' หรือเกลือทะเลแทน
b. นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหารเซลมะเร็งจะไ้ด้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก
c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแงดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ซึ่งล้วนเป็นอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง
d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ดถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลภายใน 15 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด(ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F (ประมาณ 40 องศา C)
e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง

12. โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความเป็นพิษมากขึ้น

13. ผนังของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น

14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน (สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือ phytic acid], สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ วิตามิน เกลือแร่ EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆ เช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป

15. มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจจะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต

16. เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้่ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง

(กรุณาช่วย Forward ไปยังบุคคลที่คุณรักและห่วงใย) นี่คือเรื่องที่คุณควรส่งออกไปให้คนที่มีความสำคัญกับชีวิตคุณได้รับรู้รับทราบ

Friday, February 11, 2011

Google - Thomas Edison


The Invention come from unlimited needs of human, problems of (doing) something, convinience in their lifes and survive in the world of competition...

Then, this becomes to innovation... "idea + technology + commercial"

Wednesday, January 19, 2011

สิ่งที่คิด...

ประเด็นแรก... เฟสบุค...
จากข่าวที่มีคนโพสบนเฟสบุคว่า ภายในวันที่ 15 มีนาคม 2011 ผู้ใช้ต้องเอาทุกอย่างออกจากระบบถ้าอยากเก็บไว้ เพราะทีมงานเฟสบุคจะล้างทั้งระบบ... งานนี้มีทั้งคนดีใจและเสียใจแน่นอน เรื่องนั้นขอไม่พูดถึงนะ แต่จะถามว่า...
แล้วระบบแบบเดียวกันในชื่ออื่นๆล่ะ จะอยู่กับเราไปได้นานแค่ไหน??

จาก http://www.blognone.com/news/18712 ที่หัวเรื่องมันคือ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊คนั้นตาบอดสี ที่ความจริงเผิดเผยเพราะการสร้างหนังเรื่อง The Social Network แต่ไม่ได้จะพูดถึงอันนี้ เพราะที่สำคัญกว่าคือ "Mark ไม่สนใจเงินถึงกับขนาดที่ว่า Terry Semel ซีอีโอของยาฮูเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยเห็นใครตอบปฏิเสธข้อเสนอมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์มาก่อน..." นอกเหนือจากนี้ไปอ่านเอาเองนะ

สิ่งที่คิดคือ อย่างน้อยก็พอจะทำให้ดีใจขึ้นมาบ้าง ว่ายังมีมหาเศรษฐีอีกคนบนโลกที่ไม่ได้นับถือ "เงิน" เป็น "พระเจ้า"!!!

ประเด็นที่สอง... หิว...
เรื่องมาจากว่า ไปเดินหาของกินเพราะอดอยากจากมื้อหลางวันเพราะงานยุ่งจนไม่ได้กิน เลยกะรวบทีเดียว และทนหิว หิ้วท้องกลับบ้านไปกินคงไม่ไหว เลยแวะเข้าร้านริมทางร้านนึง เพราะเห็นเมนูหน้าร้านว่ามี "ยำสามกรอบ"เปิดเมนูปุ๊บ ลุกปั๊บเลย... ยำสามกรอบตอนที่ไปเดินเล่นที่แพลทตินัมราคาเจ็ดสิบ แปดสับ ยังว่าแพงแล้วเลย นี่อะไร ยำสามกรอบราคา สองร้อยขึ้น... ไม่ทราบว่า ไปเอา เนื้อหอยไข่มุก กุ้งอะลาสก้า ปลาแซลมอน กระเพาะปิรันย่า มาทำยำรึงัยยะ จากร้านริมทางเลยเดินเข้าเอสแอนด์พีที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ดีกว่า ร้อยกว่าๆ ได้ทั้งข้าวทั้งน้ำ...

ว่าไปนี่กะเอารวยเลยทีเดียวเนอะ... ร้านค้าอาหารริมทางเป็นอีกธุรกิจที่ทำเงินได้ดี ร้านไม่ต้องหรูมาก แค่เปิดขายเรื่อยๆ อาหารอร่อย และถ้าถูกด้วย มีหรือใครจะไม่กินบ่อยๆ แต่ถ้ามาราคาแบบนี้... เข้าร้านหรูๆไปเลยดีกว่ามั้ย???

Thursday, January 13, 2011

เพ้อไร้สาระ

13.01.2011

ผลการวิจัยที่ออกมาไม่ประสบผลสำเร็จไม่ได้หมายถึงว่างานวิจัยชิ้นนั้นไม่ดี และงานวิจัยที่สมบูรณ์คือการนำผลจากงานวิจัยที่ดี (หมายถึงทั้งงานวิจัยที่ได้ผลและไม่ได้ผล) มาพัฒนาและปรับปรุง

แต่... งานวิจัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดจะเกิดเมื่อ...

- มนุษย์สามารถหยุดความต้องการของตัวเองได้ และรู้จักคำว่าพอเพียง รวมทั้งการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่วงจรชีวิตในธรรมชาติของโลกกำหนดให้

- เมื่อการพัฒนาอะไรมาแล้วผลที่ได้มีแต่แย่ลง ผลการวิจัยที่ได้ผลน่าพอใจที่สุดจะกลายเป็นงานวิจัยที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานที่เก่าแค่ไหนก็ตาม

.

.

.

.

เพ้อไร้สาระอีกแล้ว... ขนาดยังไม่ได้เป็นหัวหน้าโครงการวิจัยซะเองนะเนี่ย!!!

Friday, January 07, 2011

หัวข้อวิจัยไร้สาระที่อยากให้มีมากๆในงานประุชุมวิชาการ

  • ทำงานวิจัยอย่างไรให้ได้กำไร
  • เขียนบล็อกอย่างไรให้คนเข้ามาโหวตเยอะๆ (แต่สาระช่างมัน?!?)
  • วัฒนธรรมในองค์กร กับค่านิยมในองค์กร มีความแตกต่างกันอย่างไร กรณีศึกษา-สถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
  • ปัจจัยและที่มาของความอยุติธรรมในสังคมไทย จะสร้างวิธีการรับมืออย่างไร ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขได้
ถ้าหัวข้อพวกนี้มาอยู่ในการประชุมวิชาการคงแปลกดีนะ... ส่วนข้ออืื่นถ้านึกได้จะมาใส่อีก 555 ที่เกิดคำถามสองอย่างนี้เพราะรู้สึกว่า ข้อแรกทำไปทำไมถ้าได้ค่าตอบแทนมาไม่คุ้ม นักวิจัยก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกัน นักวิจัยเน้นงานด้านการศึกษาก็จริงอยู่ แต่นักวิจัยก็ต้องกินต้องใ้ช้เหมือนกันนี่หว่า

ส่วนข้อที่สองมาจากการโหวตของ Thailand Blog Awards 2010 เนี่ยล่ะ... กับความข้องใจว่า เว็บที่มีสาระจริงๆแต่ไม่มีคนเข้ามาโหวตให้ ใครจะให้รางวัลบ้าง แบบนี้คนเขียนเนื้อหาสาระก็หมดกำลังใจเป็นนะ

ข้อที่มสาม โนดีเทลแอนด์คอมเม้นท์!!! แต่มีเรื่องอยากบ่นมากมาย แต่ไม่รู้จะบ่นไปทำไมให้ตัวเองดูไม่ดี...

คาดว่าหัวข้อพวกนี้น่าจะเหมาะสำหรับนักวิจัยที่อยากอายุสั้น!!!

ที่แน่ๆคนอย่างชั้นไม่อยากจะเรียกตัวเองว่านักวิจัย ถ้าไม่ใช่งานวิจัยที่เปลี่ยนค่านิยมและสังคมให้มันดีขึ้นได้ภายในระยะเวลา ไม่เกินสองปีนับจากการเผยแพร่ผลงาน แต่คาดว่าถ้าทำแนวที่ว่านี่คงจะโดนขัดขวางตั้งแต่เสนอหัวข้อไปแล้ว เพราะนี่คือสังคมไทย!!!

อ่อ ที่มาของเอ็นทรี่นี้คือ... ใกล้ช่วงที่มีประชุมวิชาการใหญ่อีกแล้วล่ะ ชอบไปนั่งหลับ รับของฟรี เอิ่ม... ฟังหรอกย่ะ แต่มักจะเกิดความคิดและคำถามประหลาดๆที่ขัดหูขัดตาบุคคลในสายการศึกษาหลายๆ ทั่นเอามากๆ ปีที่แล้วเน้นงานเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ปีนี้ดีใจที่เน้นด้านการเกษตรมากขึ้นแม้ว่าจะฟังแทบไม่ได้สักเรื่องก็ตาม อย่างน้อย ยังมีคนสำนึกรักบ้านเกิดได้ว่าเรายังเป็นประเทศเกษตรกรรม ไม่มีคนทำสวนทำไร่แล้วจะเอาอะไรกิน!!!


PS: ปรับจากที่เคยโพสไว้ใน mystery88.exteen.com เมื่อวันที่ 8 Aug 2010 [Deleted Already]

เรียนจากหลักสูตร VS การศึกษาด้วยตัวเอง

ช่วงนี้แทบจะไม่ค่อยได้อัพเรื่องภาษาเลย เผลอๆอาจจะดองทิ้งร้างไปเลยล่ะมั้ง (เพราะตัวคนอัพเดทยังไม่มีปัญญาจะจำให้มันเข้าหัวได้ภายในเวลาแค่สัปดาห์ เดียวน่ะสิ เหอๆ) แต่อีกเรื่องที่กำลังรู้สึกว่าน่าจะเอามาอัพให้อ่านกันคือเรื่องของกีฬา...

ปัญหามีแค่ว่า หลายคนคงจะไม่เชื่อถือคนที่ชอบและศึกษาเจาะลึกในสิ่งที่ไม่ใช่สายที่ตัวเอง เรียนมา จะให้เรียนปริญญาสองใบมันก็ใช่เรื่องอยู่ จะเข้าได้รึเปล่าก่อนดีกว่าเหอะ เพราะสิ่งที่เราชอบมันเป็นวิชาของสายวิทย์ ในขณะที่เราเองจบมาจากสายภาษาในรุ่นที่ไม่มีเรียนเลขแม้แต่ตัวเดียว และภาษา (อย่างที่บอก) ที่กว่าจะท่อง กว่าจะจำได้แต่ละตัวทำเอาเหนื่อยใจ ไม่งั้นคงเก่งไปแล้ว

ส่วนของสายที่เรียนมา ด้วยความหมั่นไส้ที่โดนคนที่ไม่ได้จบสายนี้มาแย่งงานกันประจำ โดยเฉพาะพวกดาราทั้งหลายที่อาศัยว่าตัวเองทำอาชีพที่ได้เงินเยอะ และความมีชื่อเสียงมาเรียกลูกค้าไปหมด เลยไม่มีกำลังใจจะศึกษาด้านที่ตัวเองเรียนมาอย่างจริงจังเท่าไหร่นัก แล้วมันดันมีคนทำออกมาเกลื่อนตลาดจนไม่รู้ว่าตำราไหนเชื่อถือได้ ไม่ได้ แล้วอะไรที่เป็นออริจินัล อะไรคืออันที่ขัดกับทฤษฎีเก่าบ้าง จะมานั่งอ่านหมดมันก็ไม่ใช่เรื่องหรอกนะ เราเองก็ดันอ่านหนังสือก็ช้าอีก เลยหันเปลี่ยนทิศมาทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ค่อยสนใจกันนัก แต่ดูท่าจะเริ่มมีคนสนใจเยอะขึ้นแล้วล่ะ แล้วเราจะโดนแย่งอีกมั้ยล่ะเนี่ย...

PS: from mystery88.exteen.com on 12 Sep 2009 & 27 Jun 2010 [Deleted Already]

สมการการจับคู่

ไม่ได้บวกเลขผิด และไม่มีอะไรจะอธิบาย ตัวย่อใช้แค่สองกลุ่มคือตัวอักษร F = Female และ M = Male กับกลุ่มตัวเลข คือคนที่ 1 กับคนที่ 2 แค่นั้นแหละ ที่เหลือไปตีความเอาเอง...

1 + 1 = 1

F1 + M1 >> F1 + M1

1 + 1 = 2

F1 + M1 >> F1, M1 (พวกกรูทะเลาะกันอยู่...)

2 + 2 = 3

F1 + M1, F2 + M2 (พวกมีของตัวเองแล้ว แต่ไม่พอใจ) // F1 + M1 + F2, M2 (พวกอยากได้ของคนอื่น หรือพวกโดนแย่งมาจะแย่งกลับ)

>> F1 + M1 & M2 // F2 + M1 & M2 // M1 + F1 & F2 // M2 + F1 & F2

>> M1 + F1 & M2 // M1 + F2 & M2 // M2 + F1 & M1 // M2 + F2 & M1

>> F1 + F2 & M1 // F1 + F2 & M2 // F2 + F1 & M1 // F2 + F1 & M2

2 + 2 = 2

F1 + M1, F2 + M2 (กรณี "ประนีประนอม" แล้ว...)

>> M1 + F2, M2 + F1 // M1 + M2, F1 + F2


PS: from mystery88.exteen.com on 12 Aug 2009 [Deleted Already]

Tuesday, January 04, 2011

ของใหม่ของคนตกยุค (ชั่วขณะ) รึเปล่า??


อยากเห็นอะไรแปลกๆใหม่ๆในปีนี้บ้าง... แต่ไม่รู้ว่าไอ้ที่อยากจะเห็นมันมีไปแล้วรึยัง

หมวด หนังสือ

๑. ช่องทางทำมาหากิน รวมเล่มชุดที่ ๗

เห็นเล่มนี้ ไอ้เราก็ดีใจ นึกว่าเออ จะสรุปเฉพาะบทความแนวทางทำธุรกิจ ที่ไหนได้... เอามาทั้งเล่มเลย เรียกว่าถ้าใครซื้อประจำอยู่แล้วไปซื้อฉบับรวมมาอีกนี่ เสียดายเงินเลยล่ะ จะว่าไปแล้วเค้าก็พูดถูกนะว่ารวมเล่ม - -“ ไม่ได้เขียนว่ารวมแนวทางหรือไอเดียธุรกิจ

ว่าแต่... มันไม่มีแนวทางทำธุรกิจที่ไม่ต้องผลิตสินค้า ไปหาสินค้า เป็นตัวแทนจำหน่ายหรือหาลูกค้าให้บริษัทแม่บ้างมั้ยวะเนี่ย... เอาชัดๆคือช่องทางทำธุรกิจ(บริการ)แปลกๆ อย่างพวกไทยทิกเก็ต บริษัทออกาไนเซอร์งี้ บริษัทจัดหานายแบนางแบบ รับจัดหาคู่ทำนองนี้ แต่เสนอแนวทางลงทุนแบบที่ไม่ต้องลงทุนสูงน่ะมีมั้ย (คาดว่าที่ว่าเค้าไม่ทำ เพราะมันเป็นธุรกิจใช้ทุนสูง แต่มันก็น่าจะมีวิธีประยุกต์ให้เหมาะกับชาวบ้านได้นี่หว่า อย่างพวกต่างจังหวัด ทำไมจะทำอีเวนต์ในส่วนตำบลไม่ได้?? ไอ้ทุนสูงน่ะ เพราะในเมืองหรอกย่ะ กับอีกเหตุผลคือ เป้าหมายเค้าคือการเน้นโฆษณาขายตรง และการสร้างรายได้ให้ภูมิปัญญาท้องถิ่น... แต่ไอ้ธุรกิจแปลกๆที่ว่าเราก็อยากได้อยู่ ออกเป็นฉบับพิเศษก็ยังดี หรือมันจะไปอยู่ในพวกกรณีศึกษาเชิงวิชาการที่ชาวบ้านไม่อ่านกันวะเนี่ยยย ไม่รู้จะเขียนให้อ่านยากๆ ให้ชาวบ้านอ่านเป็นแนวทางไม่ได้ไปทำไม)

๒. หนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว และที่พักสำหรับครอบครัวมีสัตว์เลี้ยง

กำลังหาเวอร์ชั่นรวมแหล่งท่องเที่ยวและที่พักสำหรับครอบครัวที่มีสัตว์ เลี้ยง และรองรับได้ตั้งแต่ขนาดเล็กอย่างหนูแฮมส์เตอร์ถึงขนาดใหญ่อย่างลาบราดอร์ รึตัวประหลาดอยางอีน่ากัวทำนองนี้ (หวังว่าคงจะไม่มีใครคิดจะพางูจงอาง หรือจระเข้ไปเที่ยวนะ) และไม่รังเกียจหมาไทยแท้ดั้งเดิม (ที่ขึ้นชื่อว่าซื่อสัตย์ที่สุด แต่ดันโดนให้เฝ้าบ้าน แล้วเอาม๋าฝรั่งไปเที่ยวแทน มันยู้ดดติทำแร้วหรือสำหรับน้องม๋าตัวน้อยๆผู้น่ารัก) หมาก็อยากเปิดหูเปิดตาเหมือนกันนาเฟ้ยยยย...

อ่อ อยากให้มีห้างที่พาสุนัขไปเดินเลือกซื้อของเองได้ โดยเฉพาะร้านหรือแผนกของเล่น เผื่อว่าหมา(บางตัว)อยากเลือกของเล่นเอง(มั้ง).... แล้วสะดวกเจ้าของด้วยเวลาที่จะซื้อเสื้อผ้าให้น้องม๋า อย่างน้อยก็ได้ลองเลยว่าใส่ได้มั้ยไม่ต้องซื้อมาแล้วขายต่อคนอื่น หรือวิ่งกลับเอาไปเปลี่ยน

ส่วนที่มาของเรื่องนี้คือ.... ไปจ่ายเงินค่าสอบภาษาอังกฤษ แล้วมีแม่พาลูกมาด้วย (น่าจะลูกชายนะ) ดูแล้ววุ่นวายน่ารักดี แกไม่งอแงนะ แต่ป้วนเปี้ยนเหมือนจะรำคาญว่าแม่ทำอะไรนานจัง เกี่ยวอะไรกับแม่ลูก ใช่ป่ะ??? เกี่ยว... ตรงที่น้องม๋าที่บ้านเราเลี้ยงจนมันคิดว่ามันเป็นคนแล้ว และมันก็เหมือนเด็กจริงๆ ชอบเถียง ชอบบ่น โวยวายเวลาไม่ได้ดังใจ (เคยเห็นม๋าไม่ได้ดังใจมั้ยล่ะ ไม่ต่างกับเด็ก-นิสัยไม่ดี-เลยล่ะ) บางทีก็อยากพาเค้าไปเที่ยวที่อื่นที่ไม่ใช่แค่บริเวณบ้าน และพื้นที่ใกล้เคียงบ้าง ก็เท่านั้น (จริงๆ.. นะ.. จ๊ะ)

แต่งานนี้แต่ละที่คงต้องมีนโยบายป้องกันคนเอาสัตว์ไปก่อความวุ่นวาย และกันคนไปก่อความวุ่นวายซะเองด้วยการพาสัตว์ไปปล่อยอะไรแบบนี้ด้วย

หมวด วิถีชีวิต

รถไฟฟ้าขบวนใหม่

เพิ่งได้ขึ้นรถไฟฟ้าขบวนใหม่ เหมือนเป็นพวกตกยุคเลย ทั้งๆที่ใช้รถไฟฟ้าทุกวัน รึว่ามันวิ่งเฉพาะเส้นสีลม และวิ่งเฉพาะตอนกลางวันฟะ เอาเหอะ มันก็แปลกเป็นเรื่องธรรมดา แค่อาจจะไม่ธรรมดาเท่าการเปลี่ยนเมล์เขียวเป็นเมล์ส้มที่มีที่นั่งน้อยลงและ มีที่ให้โหน.. เอ่อ... ยืนมากกว่า แต่ยังขับได้เ...ย เหมือนเดิม

ส่วนที่ต่างไปจากรถไฟฟ้าขบวนเก่าคือ

๑. จอโฆษณา1 เล็กลง ไม่มีขึ้นหน้าจอว่าอยู่สถานีไหนแล้วเพราะไปขึ้นไฟที่ป้ายเหนือประตูแทน แต่มันก็ยังยัดเยียดให้ดูอยู่ดีล่ะวะ

๒. ป้ายสถานีที่มีสถานีต่อจากอ่อนนุชไปถึงแบริ่งที่ยังไม่เปิดให้บริการ และสถานีที่รู้สึกว่าจะยังผลิต เอิ่ม.. สร้างไม่เสร็จโผล่มาแล้วด้วย อันนี้ไม่รู้ว่าจะมีคนมองใน ๒ มุมรึเปล่านะ โดยเฉพาะคนที่ไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น

๑. โง่รึเปล่า มีแค่สองสายยังไม่รู้อีกเหรอว่าตัวเองจะไปไหน

๒. ก็ดีเหมือนกัน น่าจะมีไฟบอกตั้งนานแล้ว

๓. ป้ายบอกสถานียังมีไฟบอกด้วยนะว่าประตูจะเปิดฝั่งไหน.... คนขึ้นบ่อยๆคงเฉยๆนะ แต่บางคนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเค้าไม่รู้หรอก (จริงๆอย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย ชาวเมืองที่ขึ้นรถเมล์เป็นกิจวัตรมาขึ้นรถไฟฟ้าบ้างยังมีสิทธ์งงเลย)

๔. หน้าต่างเล็กไปชนิดที่เรียกว่ากะจะเอามาขายพื้นที่โฆษณาเห็นๆ มันคงจะดีสำหรับพวกที่มีเงินมาลงโฆษณา แต่มันน่ารำคาญมากสำหรับคนโดยสาร ไม่ทราบว่าจะมีอีพวกที่มีเงินจ่ายค่าโฆษณามาลองนั่งรถไฟฟ้าเองมั่งมั้ยวะ เนี่ย จะได้รู้ว่ามันน่ารำคาญ... ว้อยยยยยย

๕. พื้นที่หลบมุมหัว-ท้ายขบวนมันน้อยลงพิลึกนะ แต่เพิ่มราวจับ ดี.. จะได้ไม่มีพวกสันหลังยวบยาบชอบยืนพิงไม่เผื่อที่ให้คนอื่นเกาะ และคนที่นั่งรถเข็นจะได้ไปไหนมาไหนเองได้บ้าง

๖. เสียงเตือนประตูปิด... มันรำคาญหูไปหน่อยมั้ย??? เหมือนคนเป่านกหวีดผสมกับแตรรถซาเล้งยังไงไม่รู้ เปลี่ยนเป็นแบบเก่าน่าจะดีกว่ามั้ยอ่า...

๗. หน้ารถ... ทีแรกก็ว่าทำไมคันนี้หน้ารถมันแปลกๆ พอเข้าไปถึงรู้ว่ามันคือคันใหม่ ไม่น่าล่ะ... แปลกยังไง หัวรถเดิมจะเป็นแบบเหลี่ยมๆ ทื่อๆ แต่อันนี้กระจกโค้งๆหน่อยๆ ไม่ทื่อเหมือนขบวนเก่า

๘. จิปาถะมากมาย แต่ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเท่าไหร่ เช่น เสาจับเล็กลง ห่วงจับเปลี่ยนสี ป้ายโฆษณายังไม่มีเกะกะ ฯลฯ

1 ถ้าคำจำกัดความของทีวีคือสื่อที่มีทั้งโฆษณา สารคดี ละคร และข่าว ก็เรียกมันว่าทีวีไม่ได้เพราะอีมีแต่โฆษณาลูกเดียวตั้งแต่ต้นสายยันปลายสาย จนกว่าอีจะเข้าอู่ (ไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วจะยังฉายต่อมั้ยตะหาก ประมาณว่าอย่างน้อยคนโดยสารไม่เห็น พนักงานก็ต้องเห็นมั่งล่ะวะ) กับอีกกรณีที่มันจะไม่ฉายคือ มันขัดข้อง...