Sunday, May 19, 2013

DIY gift #2 : snack book

กล่องขนมที่มักตะใช้ตามงานสัมมนา พิธีต่างๆ ส่วนมากทำออกมาค่อนข้างดี พิมพ์ลายทันสมัย จะทิ้งก็เสียดาย เนื้อกระดาษกล่องแข็งพอที่จะทำสมุด เลยจัดการแปรรูปซะเลย
กระดาษซื้อเป็นรีมก็ทำได้หลายเล่มอยู่ เอากระดาษที่จะทำใส้ในมาตัดให้พอดีกับขนาดฝาและก้นกล่องไว้เป็นปก กล่องที่ใช้นี่ วัดกับกระดาษแล้วได้กระดาษขนาด A6 พอดี บวกกับความอยากลองการเข้าเล่มแบบอื่นบ้าง อันนี้เลยใช้การเจาะรูถี่ๆ แล้วใช้เชือกแทนลวดในการเข้าเล่มแทน ^ ^

Tuesday, April 30, 2013

DIY Gift #1 :: ไอเดียของขวัญ หมายเลข 1

อุปกรณ์ที่ใช้
1. กรอบรูปไม้อัด จริงๆจะใช้วัสดุอื่นก็ได้ แต่ความคงทนของสีที่จะใช้เพนท์อาจจะอยู่ไม่ทนนัก โดยเฉพาะวัสดุที่ผิวลื่น
2. สีอะครีลิก เลือกสีตามที่ชอบได้เลย จถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงสิ่งที่จะวาดหรือระบายดูก่อน ไม่ก็หาภาพต้นแบบมาช่วยเป็นแนวทางก็ได้
3. พุ่กันระบายสี ขนาดเลือกได้ตามสิ่งที่จะเพนท์ ทั้งขนาดของ ขนาดรูปหรือลาย
4. ปากกากันน้ำ ไว้แต่งลายเล็กๆ ถ้ามีพู่กันขนาดเล็กและใช้ถนัดมือก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปากกาก็ได้นะ
5. แล็กเกอร์เคลือบงาน

อุปกรณ์เสริม
1. สก็อตเทป
2. ไม้บรรทัด

ขั้ตอนการทำ
1. ที่ถูกต้องคือค่อยๆทำไปทีละสี รอให้แห้งจะได้ไม่เลอะเทอะ และงานก็จะดูไม่สกปรกด้วย แต่แอดมินมีเวลาในการทำไม่มากนักเลยจัดไปทีเดียว แต่การผสมสีอะครีลิกกับน้ำในปริมาณที่เหมาะสมพอดีๆมันก็ช่วยให้สีแห้งเร็วขึ้นได้เหมือนกัน (หนืดไปก็ใช่ว่าจะแห้งเร็วนะ)
2. หลังจากระบายเสร็จทั้งหมดแล้ว แอดมินใช้สก็อตเทปตัดเป็นเส้นมาวางกันสี แล้วใช้สีชอล์กสีขาวระบายแทนเพราะไปขุดสีอะครีลิคที่เคยใช้สมัยเรียนเมื่อนาาานนนมาาาากกกกกกก มาใช้ สีมันเลยแห้งจนใช้ไม่ได้ไปหลายสี
3. ส่วนลายจุด แอดมินใช้ไม้บรรทัดช่วยในการกะระยะห่างของแต่ละจุด แต่จะทำให้จุดมันเท่ากันหมดก็ดูน่าเบื่อเกินไป แถมมันจะออกแนวงานทำคอมที่เห็นเยอะจนเอียน เลยเสริมๆเติมๆให้มีจุดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง และแต่งรายละเอียดอื่นๆตามที่ต้องการเลย
4. หลังจากที่ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอจนสีที่แต่งเอาไว้แห้งสนิท ฉีดสเปรย์แล็คเกอร์เคลือบทับ ถ้ามีแบบทาไม้ก็ใช้ได้แต่ระวังสีจากปากกาจะละลายหน่อยล่ะ
5. เมื่อแล็กเกอร์แห้งแล้ว ก็ได้ของขวัญพร้อมแจกแล้วล่ะ ^ ^

ตรงกลางมันเป็นที่ใส่รูป แต่พอดีมันดูกลมๆ เลยจัดเป็นหัวตัวการ์ตูนแทน แต่ถ้าใส่รูปก็ใส้ได้ตามปกติ ^ ^
แอดมินเพิ่มเส้นขอบสีดำรอบกรอบรูปไปด้วยให้ดูเหมือนมาจากหนังสือการ์ตูนมากขึ้น

Saturday, March 23, 2013

มะนาว+โซดา ฆ่าเซลมะเร็ง

ได้รับจาก Forwardmail  เช่นเคย หลังจากนาาานนๆ นานโคตรๆ จะเดเมลล์ ซักทีเพราะความรำคาญ Spam ของ Hotmail ที่กดแจ้งไปไม่รู้กี่ที ก็ยังมีส่งมาให้เหมือนเดิม โดยเฉพาะพวกเมลล์ที่บอกว่า ภาพสวยๆในไฟล์สกุล *.PPT เป็นตัวนำไวรัสลงเครื่องได้อย่างดี... สวยให้ตาย แต่ไม่แนบเป็นภาพให้เห็นชัดในเมลล์มาเลยก็ไม่เปิดจ้าาาา Delete ทันทีแบบไม่ต้องคิดด้วย แล้วมาเข้าเรื่อง (ที่ Copy + Paste มา) ต่อเลยนะ

มะนาว+โซดา ฆ่าเซลมะเร็งได้เห็นว่าหลายๆคนหลายๆครอบครัวที่ต้องเสียชีวิตเนื่องจาก มะเร็งกันเยอะพอดีมีโอกาศได้ข้อมูลนี้มาลองอ่านๆกันดูละกันสำหรับผม ไม่มีอะไรจะเสียนะ มะนาวหาได้ง่ายตามตลาดทั่วไป

มะนาว เลือกลูกเขียวๆ ใช้จำนวน 2 ลูก + โซดา 1 ขวด โซดาจะ สิงห์ หรือ ช้าง เลือกเอาตามสะดวกเลยสรรพคุณ :: สามารถฆ่าเซลมะเร็งได้ผลกว่าการ คลีโมฯ 10,000 เท่า อ่านว่า หนึ่งหมื่นเท่า ..... 
วิธีกิน :: กินเช้า เย็น หรือ เช้า กลางวัน และเย็นก็ได้

การกินมะนาว+โซดา ไม่มีผลเสียอะไรต่อร่างกายทั้งสิ้น การคลีโมฯ ยังมีผลทำให้่เซลดีๆ ของร่างกายต้องตายไปด้วยแต่การใช้น้ำมะนาว+โซดา จะฆ่าเซล มะเร็งพวกนี้ได้ 100% แล้วทำไมถึงไม่มีการเผยแพร่ออกมา ตอบแบบง่ายๆ ถ้าแพร่ออกมา อย่างเป็นทางการ บริษัทยาทั่วโลกก็เจ๊งชัย นี่คือความเลวทรามของ มนุษย์ที่เอาเปรียบมนุษย์ด้วยกัน วิธีนี้ถูกค้นพบนานแล้วแต่ถูกปกปิดเอาไว้ ไม่ให้ผลรายงานนี้ออกมาสู่สาธารณะ

สรรพคุณของมะนาวไปอ่านกันเองเลย
 http://variety.mwake.net/story/75/%E0%B8%259...2%E0%B8%A7.html

ทำไมต้องโซดา? ใช้ผสมกับน้ำก็ได้ แต่จะได้ผลช้า แต่ถ้าใช้กับโซดา มันจะเหมือนๆกับเครื่องยนต์ เวลาติดเทอร์โบ จะได้ผลเร็ว และรุนแรงกว่ามาก วิธีรักษามะเร็งแบบได้ผลแถมต้นทุนประหยัดแบบสุดๆแบบนี้ ใครมีคนรู้จักเป็นมะเร็งอยู่ให้เอาไปบอกบุญกันได้

บุญรักษาทุกๆท่าน

Friday, March 08, 2013

วิทยาศาสตร์ศิลปกรรม... หลักสูตรในจินตนาการ

ได้เห็นเบื้องหลังงานโฆษณาหนังเรื่อง Contagien (น่าจะเขียนประมาณนี้นะ) เมื่อราวๆปีที่แล้ว ส่วนชื่อหลักสูตรในจินตนาการนี้ก็คิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้เขียนไว้ให้ดูเล่น
สำหรับตัวเบื้องหลังโฆษณาที่ว่านีเใช้หลักการเติบโตของแบคทีเรียในเคมีอะรไสักอย่างที่ฉาบบนแผ่นป้าย ระยะเวลาที่ผ่านไปแบคทีเรียจะโตมาเป็นตัวอักษรที่เป็นชื่อหนัง ซึ่งจริงๆแล้วเคมี หรือสิ่งต่างๆที่มีการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ก้มีบางส่วนที่เอื้อต่อการสร้างงานศิลป์อยู่ไม่น้อยมาตั้งนานแล้ว เช่น การพัฒนาของสีที่ใช้ระบาย นวัตกรรมของกระดาษปากกา หรือการใช้วัสดุใหม่ๆในการสร้างสรรค์ผลงานไอเดียต่างๆ เท่าที่เปิดๆดูคณะหรือหลักสูตรของประเทศที่เป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนไทยก็ยังไม่คอยมีหบักสูตรที่ว่านี่ชัดเจนนัก แต่จะเป็นลักษณะของการเรียนในระดับปริญญาเอกที่ตัวผู้เรียนเลือกเนื้อหาที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญมาทำเองมากกว่า (ไม่แน่ใจว่าเรียกว่า สหวิทยาการรึเปล่า) เอาเป็นว่าจะร่างหลักสูตรเล่นๆไว้ให้ดูก่อน

ชื่อหลักสูตร : วิทยาศาสตร์ศิลปกรรมบัณฑิต (วท.ศ.บ.)
หน่วยกิตตลอดภาคการศึกษา : ???
รายวิชาในหลักสูตร
วิชาศึกษาทั่วไป
- วิทยาศาสตร์พื้นฐาน (เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา)
- คณิตศาสตร์
- สังคม วัฒนธรรม และจริยธรรม
- ภาษาต่างประเทศ (เลือก 1 ภาษาตามความถนัด เรียนต่อเนื่องจนครบหน่วยกิตที่กำหนด)
วิชาแกน
- เทคนิคการวาดภาพ
- เทคนิคการออกแบบ
- ทฤษฎีศิลปะ
- ประวัติศาสตร์ศิลปะ
- ศิลปะและนวัตกรรม
- ธุรกิจศิลปะ
วิชาชีพเฉพาะสาขาวิชา
สาขาวิชาบริหารธุรกิจศิลปะ
- การออกแบบเพื่อการใช้งาน (ฟังก์ชันนอลดีไซน์)
- การตลาดงานออกแบบ
- การควบคุมการผลิตงานศิลป์
- พื้นฐานการลงทุนธุรกิจงานศิลป์
- การดำเนินธุรกิจงานศิลป์
สาขาวิชานวัตกรรมงานศิลป์
- การจัดแสดงผลงาน
- เทคโนโลยีวัสดุและสื่อผสม
- การเขียนโปรแกรมสร้างผลงานศิลปะ
- การทดสอบคุณภาพงานออกแบบ
- การบูรณะงานศิลปะ
- เทคโนโลยีการเก็บรักษาและยืดอายุงานศิลป์
- เทคโนโลยีการผลิตสื่อ วัสดุ และงานศิลป์
สาขาวิชาศิลปะประยุกต์
- การถ่ายภาพ
- คอมกราฟิก
- หัตถศิลป์
- อนิเมชั่น
- จิตรกรรม
- ประติมากรรม
สาขาวิชาการแสดงและดนตรี (เลือกสาขาย่อยโดยการลงกลุ่มวืชาที่ใกล้เคียงกัน)
- พื้นฐานการแสดง
- พื้นฐานการเต้น
- พื้นฐานการดนตรี
- พื้นฐานการร้องเพลง
- การออกแบบท่าเต้น
- นาฎศิลป์ไทย
- นาฎศิลป์สากล
- นาฎศิลป์ตะวันออก
- การออกแบบและกำกับการแสดง
- ดนตรีสากล
- ดนตรีไทย
- ดนตรีพื้นบ้านตะวันออก
- ดนตรีพื้นบ้านตะวันตก
- การกำกับควบคุมเสียงและดนตรี
- เทคโนโลยีแสงสีการแสดง
วิชาเฉพาะรวมสาขาวิชา
- พื้นฐานการวิจัยทางศิลปะ
- การปฎิบัติงานภาคสนาม (ฝึกงาน)
- โครงการสหวิทยาการงานศิลป์ (Final Project) >> 1 กลุ่มโปรเจ็กต์ ต้องมีสมาชิกจากทุกสาขาวิชา
วิชาเลือก
- เลือกรายวิชาข้ามสาขา หรือเป็นรายวิชาของคณะอื่นก็ได้ให้ครบตามจำนวนหน่วยกิตที่กำหนด
วิชาเลือกเสรี
- เลือกข้ามสาขา หรือเป็นรายวิชาของคณะอื่นก็ได้ ให้ครบตามจำนวนหน่วยกิตที่กำหนด

ไว้นึกออกว่าต้องรู้อะไรอีกแล้วจะมาเติม ><
จะเปิดหลัสูตรนี้จริง ก็รับเป็นที่ปรึกษาจ้า ^ ^ แต่ที่สำคัญกว่าคือ กรุณาให้เครดิตกันด้วย

Saturday, February 09, 2013

Web Review #2 - รวมพลบล็อก

รวม Review Blog ที่กระจาย Post ไว้ใน Comment ของ Facebook และอัพเดทเพิ่มเติมเล็กน้อย

Blogger หรือ Blogspot
เล่น html + java ได้สะใจที่สุด เรียกว่า ปิดๆเปิดๆ ลูกบล็อกไปไม่รู้กี่อันเพราะตัดใจไม่ลง มันเล่นได้เยอะ และอัพเดทให้รองรับกับของเล่นใหม่จากเว็บอื่นได้เรื่อยๆ พัฒนาให้เหมือนเว็บมากขึ้นด้วย Tab ด้านบน แม้ว่าจะให้จำกัด แค่ 5 Tab ก็ตาม

livejournal
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันคือ Journal มันเล่ยเน้นให้โพสมากกว่า เรื่องดีไซน์ยิ่งไม่ต้องสน มันให้แค่เปลี่ยนสีเฉยๆ อยากได้มากกว่าต้องรื้อ CSS จัดการเอง สำหรับการใช้ในสิ่งที่เว็บให้มา รูป หรือคลิปวีดีโอ ก็พอลงได้ แต่ต้องใช้เป็น URL มาใส่แทน (ไม่รู้ว่าให้อัพโหลดขึ้นไปเองหรือยังเพราะปิดบล็อกนี้ไปนานแล้ว) ข้อเสียที่เด่นที่สุดคือ ไม่รองรับภาษาไทย และภาษาอื่นๆเท่าที่ควร โดยเฉพาะ Search SEO เป็นภาษาไทย!!!

tumblr 
ความรู้สึกแวบแรกของการเปิดใช้บล็อกนี้คือ มันก็ Twitter กลายๆ ชื่อมันจะเหมือนรูป Profile ขนาดเล็ก ที่ให้ดูพอรู้ว่าเป็นใคร หรือพวกสารบัญภาพ มันเลยเน้นการโพสแบบนิดๆหน่อยๆมากกว่า (จะเขียนเยอะก็ไม่มีใครว่า แต่ดูสภาพเว็บยังไงก็ไม่เหมาะ) รูปแบบของบล็อกเหมือนจะดี ดูเหมือนจะเล่นได้เยอะ แต่ก็ตั้งค่าค่อนข้างยาก แต่ละ Theme ของรูปแบบบล็อกก็ไม่เหมือนกันด้วย เวลาจะใส่คลิป หรือรูป ต้องใช้เป็นการเขียนโค้ดเองนิดๆหน่อยๆ จะโพสได้ง่ายกว่าใช้กดแนบ Link อันนี้ เป็นอีกบล็อกที่ปิดไปนานแล้ว เลยจำไม่ได้ว่า อัพโหลดเองได้มั้ยแล้วนะ ><

google sites ซึ่งช่วงที่ Google + กำลังทดลองอยู่ มันยังอยู่ดี แต่ ณ บัดนาว รู้สึกจะสาบสูญแล้ว เพราะเป็น Google + ที่ใช้ยากกว่า Facebook เพราะความไม่ชินเอามากๆ และคนไทยยังไม่นิยมมากพอ (ฝรั่งเค้ามาใช้กันเยอะแล้วล่ะ) ไม่ก็เยอะ!! จนเกินไป สงสัยเพราะอากู๋แกกลัวหว่านแหได้ไม่ครบองค์กลุ่มเป้าหมายล่ะมั้ง ลองใช้กี่ทีก็ งง กับมันทุกที ขณะนี้จัดว่ามันเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล และเฉพาะกลุ่มมากๆ
 
wordpress 
เป็นบล็อกที่ว่า ถึงจะมี Theme สำเร็จรูปมาให้แล้ว แต่ถ้าอยากทำเองให้ดูอลังๆ หรือเป็นคนที่เก่งเรื่องเขียนโค้ดแสดงผล แต่ก็โอเคสำหรับการทำเว็บให้เหมือนเป็นมืออาชีพโดยไม่ต้องไปยุ่งกับการเขียนโค้ดได้เหมือนกัน แต่ของ wordpress ยังไม่ค่อยรองรับการเอาจาวาจากเว็บอื่นมาแปะเท่าไหร่ ของเล่นที่เอามายัดลงแล้วแสดงผลได้ดแทบไม่มี กี่ปีมันก็ยังบไม่พัฒนาให้รองรับซักที... SEO ของเว็บดีขึ้น (เดิมทีภาษาไทยในเว็บนี้แทบจะเรียกไม่ขึ้น พิมพ์ไว้อ่านได้ แต่ใครก็หาไม่เจอทำนองนั้น)
ค่อนข้างง่อยในเรื่องการใส่รูป และคลิป เพราะมีพื้นที่เก็บจำกัด จะดีกว่าถ้าไปดึง URL มาแทน และ การจัดหน้า ถือว่ายากสำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องเขียนเว็บเลย แต่ถ้าเป็นแล้ว จะเหมือนว่ามีเว็บของตัวเอง เพราะให้เพิ่ม Tab หรือหน้าเว็บได้ไม่จำกัด จะลงไปยิบย่อยเท่าไหร่ก็ได้ (เลือก Theme ดีๆ เพราะบาง Theme ไม่รองรับหน้าเว็บย่อย ถึงมีมันก็จะเปิดไม่เจอ) ส่วนใครที่ทำ PHP เป็น และมี FTP ไว้ฝากไฟล์แล้ว การรื้อ CSS แล้วจัด PHP ไปทั้งชุดแทน สามารถทำให้เว็บที่มีแต่เนื้อหากลายเป็นสุดยอดมัลติมีเดียได้เลย (เริ่มใช้เว็บนี้ตอน ป.โท แต่มิบังอาจหาญกล้ารื้อเว็บมันขนาดนั้น เพราะถ้ารื้อแล้ว จะทำคืนสภาพเดิมไม่ได้ ><)

Multiply
ขณะนี้ ได้อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนเป็น E-commerce ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ ปิดการใช้งานสำหรับคนทั่วไปแล้ว ถ้าจะใช้ จ่ายเงิน!!! และทำเป็นเว็บขายของซะดีๆ.... แต่เดิมแล้วเป็นเว็บ HOT HIT ของช่างภาพทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น การใช้งานจริงๆเยอะมาก ทั้งโพสรูปได้ไม่จำกัด  แค่ต้องทยอยเอาขึ้นสำหรับบาง Browser เพลงก็เอาขึ้นได้ แต่คนที่เข้ามาดูโหลดไปไม่ได้ วีดีโอก็พอไหว แค่อัพแล้วอัพเลย มาให้โหลดก็ตอนจะปิดปรับปรุงครั้งใหญ่นี่ล่ะ (ห้ามอัพขึ้นแล้ว) มีส่วนของ Event ให้โพสตารางกิจกรรมได้ มีส่วนของการเขียนบันทึกด้วย โดยส่วนตัวชอบที่สุดคือส่วน Review ให้เขียนได้ พร้อมระดับดาว ความนิยม หรือความชอบให้ด้วย เว็บอื่นถ้าจะมีคือต้องไปหา Widget มายัดเอง แถมกว่าจะใช้ได้ก็ยุ่งยากพอควร... ยังหาแนวนี้มาแทนไม่ได้เลย (ถึง Blogger ทางด้านบนจะใช้ได้ดี แต่มันก็ไม่เหมาะสำหรับทำ Photo Gallery ได้ดีเท่าเว็บนี้ จะไปอาศัยเว็บภาพถ่าย ก็ไม่ได้เพราะมันก็จำกัดจำนวน แถมไม่ให้ซี้ซั้วโพสด้วย)

DeviantArt หรือ DA 
เป็นบล็อกสำหรับศิลปินสร้างงานศิลปะประเภทสื่อ 2 มิติเป็นหลัก มีส่วนให้เขียนก็จริง แต่ก็มีน้อยคนที่จะเขียนนะ ภาพผลงาน เว็บมีบริการจัดทำลงสินค้าส่งขายให้คนที่สนใจงานเรา แล้วได้ส่วนแบ่งด้วย แต่ดูแล้วค่อนข้างยากถ้างานไม่เจ๋งจริง และไม่เด่นพอ (ไม่ค่อยได้ใช้มาก เพราะอัพเดทภาพยุ่งยากมาก ต้องใส่รายละเอียดทุกช่อง และตั้งค่าทีละภาพ)

behance เป็นอีกบล็อกสำหรับ Creative มืออาชีพ แต่ก็ต้องมั่นใจว่างานเจ๋งพอนะ เพราะบล็อกนี้เทียบเท่าพอร์ตผลงานที่บรรดา Cretive หิ้วไปนำเสนองานเลย เรื่องการใช้งานคงไม่พูดถึงเพราะจากที่เข้าไปกดๆ Survey แล้ว ฝีมือยังมิบังอาจสมัครได้...

Facebook / tagges / hi5 / myspace ฯลฯ เอาไว้แชร์บทความนู่น นี่ นั่น สำหรับคนชอบโพส นานๆเข้าก็น่าเบื่อ น่ารำคาญหน่อยนะ กลุ่มนี้ แอดมินใช้จริงแค่ Hi5 กับ Facebook แต่ก่อนจะเปิดใช้ก็ไป Survey จากคนที่เปิดใช้อยู่แล้วมาก่อนเหมือนกัน ใช้งานเหมือนๆกันก็ไม่เอา สำหรับ Facebook ไว้ขอบรรยายพิเศษ เพราะเป็นเว็บที่เราใช้มันตั้งแต่คนไทยน้อยคนที่รู้จักมัน และมันก็ยังไม่เยอะ!! ขนาดนี้... ><"
 
สำหรับ twitter 
กี่ทีเราก็ยังรู้สึกว่ามันเป็น SMS แบบออนไลน์อยู่ดี (ก็มันจำกัดจำนวนตัวอักษรไม่ใช่เหรอ???) 


ของไทยหลายบล็อกก็พอจะทำอะไรได้เยอะอยู่ แต่ตั้งแท็ก หรือคีย์เวิร์ด โพสเองไม่ดีก็ไม่มีใครหาเจอ แต่โฆษณาโคตรเยอะเลย...กว่าจะหาที่กดเจอก็มึนๆงงๆ เช่น Exteen, Bloggang หรือ เว็บพันทิป

Friendly-user Sites แบบ WYSIWYG หรือ What You See Is What You Get เริ่มมีให้ใช้มากขึ้น เพราะใช้ง่าย ลูกเล่นใส่ได้เยอะและเห็นเลยว่าหน้าตาเว็บจะเป็นยังไง ข้อเสียคือ ส่วนมากต้องใช้ Flash ในการเปิดใช้งานและเปิดดูด้วย คนที่ใช้มือถือแม้จะเป็น Smart Phone ก็ใช่ว่าจะเรียกมันขึ้นมาได้ แถมถ้าอัพเดทไม่ทันมัน ก็เปิดไม่ขึ้นด้วย เว็บประเภทนี้ที่ใช้อยู่คือ wix.com / cabanova.com ขอไม่ลงรายละเอียดเพราะยังไม่ได้ใช้จริงๆจังๆ รู้แค่ว่า wix.com ยังไม่มีระบบแยกกลุ่มไฟล์ที่อัพขึ้นไป ส่วน cabanova เหมือนจะภาษาต้นฉบับไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะ แต่ลูกเล่นเปิดหน้าเว็บดูน่ารัก และน่าสนใจกว่า wix.com ถ้าของไทยเห็นแค่ lnw ที่เน้นให้เป็นเว็บขายของมากกว่า

ใช้วันนี้เป็นแบบนี้ แต่วันพรุ่งนี้ที่เปิดมาอาจจะมีอะไรเด็ดกว่านี้อีกเป็นได้... ^ ^
บางทีก็ขี้เกียจมานั่งตามมันเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะตามไปทำอะไร เขียนขนาดนี้ บรรณาธิการเล่มไหนก็ไม่เห็นจะมีใครสนใจตูสักราย...