Saturday, November 29, 2008

ทริปส่งท้าย UK

รวมพลส่งท้ายก่อนที่จะกลับ ทริปเดินทางนอกลอนดอนที่ไม่ได้เอามาอัพเดทซะนานเลย ส่วนตอนนี้ก็กลับมาปักหลักในบ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว ส่วนวันนี้คงจะเป็นการโพสย้อนหลัง
สำหรับทริปนี้เดินทางไป York - Blackpool - Edinburgh (Scotland)

York
ไม่มีอะไรมากไปกว่าเดินชมเมือง บนกำแพงเมืองที่เป็นท่อนๆ และเข้าชม Viking ที่เค้าห้ามถ่ายรูปแต่ก็พยายามจะแอบถ่ายมา และแล้วก็ได้มาแบบไม่ชัด เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาสได้แวะไปเมืองนี้ ลองเข้าไปดูเองจะดีกว่า ^^ เค้าเรียกว่า Jorvik Center ล่ะ
ที่ Jorvik ที่ไปมาเค้ามีการนำเสนอที่น่าสนใจมาก เข้าไปในห้องแรก เค้าทำเป็นว่าเราเข้าไปใน Time Machine ย้อนเวลากลับไปในสมัยที่มีพวกไวกิ้ง แล้วเครื่อง error จากนั้นก็ออกไปนั่งรถพาชม ที่รถเค้าจะมีให้กดเลือกภาษาที่จะบรรยายตลอดทางที่นั่งชม เนื้อหาที่บรรรยายจะเล่าประวัติ ความเป็นมา ความเป็นอยู่ของชาวไวกิ้ง ซึ่งแต่ละฉากจัดได้สวยและเหมือนจริงมาก กระทั่งกลิ่นยังมีล่ะ ส่วนที่นั่งรถชมฉากต่างๆกินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วออกมาจะเป็นส่วนของนิทรรศการที่แสดงเครื่องมือ อาวุธ และโครงกระดูกของชาวไวกิ้งที่ต่างกับคนในปัจจุบันอย่างเก็นได้ชัดเลยล่ะ
แต่เสียดายที่โซนที่มีให้ชมไวกิ้งนี่ไม่ค่อยมีร้านอาหารอะไรให้แวะเข้าไปทาน เลยต้องโซ้ยแซนด์วิชมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ไปแทน -_-"

Blackpool
สำหรับเมืองนี้เราเดินทางออกจากเมือง York มาเมื่อตอนเย็นๆ ถึงที่เมืองนี้ค่ำๆก็เข้าที่พัก รอเที่ยวสวนสนุก Blackpool Pleasure Beach กับเครื่องเล่นสูงๆ เน้นแต่รถไฟเหาะเป็นตัวหลักๆกันเลยทีเดียว ขนาดล่องแก่งยังทำคล้ายรถไฟเหาะไปด้วย ทุลักทุเลกันเล็กน้อยในตอนเช้า เพราะว่าต้องเช็คเอาท์ออกจากที่พักแล้วเอากระเป๋าไปด้วย ลากเดินกันไปหาที่ฝาก ยังไม่พอ ที่เช็คมา เน็ตบอกว่าสวนสนุกเปิด 11.00 น. แต่พอไปจริงๆกันเปิดเที่ยง แล้วยังฝนตกอีก ดีที่แถวนั้นมีร้านเกม จริงๆมันเหมือนร้านเกมกึ่งๆบ่อนเล็กน้อย ^^ ก็เล่นรอไปก่อน พอสวนสนุกเปิดก็เอากระเป๋าไปฝาก เค้าคิดใบละปอนด์แต่ต้องไปรับก่อนหกโมงเย็น ส่วนบัตรเข้าเค้ามีบาร์โค้ดไว้แสกนเวลาเข้าไปเล่นแต่ละอย่าง โชคดีที่ไม่ได้รีบจองเพราะถ้าราคาปกติ ยี่สิบปอนด์กว่าๆเลย ไม่รวมโชว์ (ที่นี่เค้ามีสองแบบให้เลือกชม คือเป็น on ice เรียก Hot Ice Show กับที่คล้ายๆ คาบาเร่ต์กึ่งกายกรรมเรียก Forbidden) แต่ตุลาที่ไปนี่เค้ามีโปรโมชั่น 20 ปอนด์เท่ากันรวมโชว์ให้เลือก 1 โชว์ จะไปเสียเปรียบที่เด็กน่ะล่ะที่ต้องไม่สูงกว่า 1 เมตร แต่ถึงจะสูงกว่าก็ได้เล่นอยู่ไม่กี่อย่างเอง เครื่องเล่นเหมาะสำหรับคนที่ชอบรถไฟเหาะจริงๆเท่านั้นล่ะ
อ่อ บัตรไม่จำกัดอย่างและรอบ ขนาดที่ไปเล่นกันเกือบครบ ถ้าไม่นับอันที่ไม่เปิดแล้วนะ ยังเล่นได้แค่อย่างละรอบเอง เครื่งเล่นที่พลาดไม่ได้เค้ามีลงไว้ใน แผนที่ให้แล้วนะ แต่เราก็แนะนำดว้ยว่า เล่นล่องแก่งก่อนเลย เพราะเปียกสุดๆ แล้วไปเล่นอย่างอื่นจะได้แห้งไง อิอิ ล่องแก่งเจ๋งมากๆ จัดฉากยังกะเข้าไปดู Jorvik Viking อีกรอบเลย แต่ว่าเค้ามีทั้งไฟจริง น้ำแข็ง หิมะจริง ไม่พอ มีถอยหลัง ตกหลุมอีก สนุก เสียวดี และเปียกมากก หุหุ แล้วเค้าจะมีส่วนขึ้นลงเยอะกว่าล่องแก่งธรรมดาด้วยนะ (ก็มาเมืองรถไฟเหาะนิ) เล่นเครื่องเล่นตามที่มีในแผนที่ได้เลย เจ๋งจริง... แม้ว่าจาโดนคั่นด้วยออนไอซ์โชว์ไปแต่ก็แปลกไปอีกแบบ (เป็นโชว์ที่ละชุด ไม่เหมือนเป็นเรื่องๆอย่าง Disney On Ice นะ) หลังจากสนุกที่ยังไม่อยากจะเลิก หกโมงเย็นก็ต้องไปเอากระเป๋าและไปรอรถไฟ เดินทางต่อไปที่สก็อตแลนด์ คืนนี้เราไปพักที่สก็อตแลนด์กัน รถไฟรอนานมากกกก

Edinburgh
เที่ยวที่นี่สองวัน เดินเล่นซะเยอะ กว่าจะได้ที่ที่น่าสนใจ น่าเข้า และต่างกับที่เคยเข้าไปดู และแล้วก่อนกลับแบบเกือบจะพอดีกับเวลาขึ้นรถไฟก็คือ ไปดู Scotwhisky Experience ถึงจะคนละหลายตังค์ แต่ได้แก้วที่เค้าให้ชิมกลับมาด้วย เค้าจะมีสอนเกี่ยวกับวิสกี้ เริ่มจากส่วนให้ชิม ว่าต้องดูอะไรบ้าง แล้วเข้าไปฟังขั้นตอนการผลิตที่แบ่งเป็นห้องๆ ตามด้วยนั่งรถชมประวัติความเป็นมาอีกประมาณ 20 นาทีได้



Saturday, October 11, 2008

Stonehenge & Salisbury Cathedral

ไม่คิดว่าจะไปตั้งแต่ตอนที่ไปเที่ยว Bath ครั้งแรกแล้วล่ะเพราะช่างไกลมากมาย และแล้วก็ไปมาจนได้... ก็ยังถือว่าเฉยๆอยู่นะ ค่าเข้าสำหรับนักเรียนอยู่ที่ 5 ปอนด์กว่าๆ ทางเข้าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Stonehenge เป็นที่จอดรถ เดินลงไปให้ดินทะลุไปขึ้นอีกฝั่งเอา จะไปโผล่ข้างในรั้วที่ล้อมรอบ บริเวณ Stonehenge ไว้ ก่อนจะข้ามฝั่งไป ฝั่เดียวกับที่ขายบัตรและทางเข้าก็จะมีร้านขายของที่ระลึก กับส่วนที่เป็นอุปกรณ์ให้ไปเอามาฟังเอง อธิบายเกี่ยวกับ Stonehenge ก็แบบฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้างอะนะ

ส่วนขากลับแวะที่ Salisbury Cathedral โบสถ์ที่เก็บค่าเข้าชม เพราะดูเหมือนว่าเอาไว้ให้เที่ยวซะมากกว่า เนื่องจากเป็นนักเรียนโรงเรียนคริสต์มาเลยเฉยๆกับโบสถ์ มีเวลาเดินน้อยเพราะใช้รถที่เช่าต่อจากเมื่อวานที่ไป Legolanf ไปเที่ยวกันเอง จอดข้างทางได้แค่ชั่วโมงเดียว เลยไม่เข้าแล้วไปเดินเล่นในช็อปเอาแทน แล้วข้างในก็ไม่ให้ถ่ายรูปอีกตะหาก เอาเป็นว่ารูปถ่ายข้างในถ่ายไม่ได้เลยไม่เข้าซะ แล้วมาเซิจเจอในเน็ต เค้าถ่ายไว้สวยๆ (ของทางโบสถ์เองน่ะแหละ) เอาไปดูแทนแล้วกัน

LEGOland @ Windsor

Legoland ที่ Windsor เพิ่งเปิดปีนี้ปีแรก [ปลายปี 2008] ค่าเข้าก็ตกเกือบ 20 ปอนด์ได้ (จองผ่านเน็ตเอา) ส่วนของการเดินทางไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะไปกับครอบครัวของพี่ที่เรียนด้วยกัน เช่ารถขับไปเอง กว่าจะถึงก็เล่นเอานานเหมือนกัน ไปหลงด้วยเลยถึงช้าไปหน่อย :)
ข้างในเป็นโซนๆอารมณ์แบบสวนสนุก เครื่องเล่นไม่น่ากลัวมาก เน้นน่ารัก แบบเลโก้มากกว่า (เราว่าสนุกกว่าดิสนีย์แลนด์เยอะ) เรียกว่าเล่นได้ทุกวัยเหมือนกัน เรื่องเล่นแต่ละอย่างก็แต่ด้วยเลโก้ หรืออย่างพวกที่เป็นแล่นไปตามทางก็จะมีเลโก้ตั้งๆไว้ข้างทาง
แล้วก็ส่วนของ Lego City ที่มาแบบเมืองจำลองที่แบ่งเป็นไฮไลท์ของแต่ละเมือง ที่จัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน รถยนต์ รถไฟ เรือ อุปกรณ์เครื่องมือ ที่ขยับได้จริงๆ พยายามจะเก็บรูปให้เห็นว่าเป็นเลโก้และเห็นทั้งหมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน เมืองอะไร แต่ทำม่ายเป็นหว่า (พาโนรามาก็ป่วยเกินสีมันไม่เคบเท่ากัน ทำทีไรไม่เคยเนียน +แบตกล้องจาหมด)

^ ทางเข้า & ห้องน้ำ

^ โซนแรก & ส่วนที่จัดแสดง lego

^ เลโก้ที่จัดวางแต่งเครื่องเล่น

^ ส่วนของเด็กเล็กเล่น มีน้ำพุด้วย ระวังเปียก :)

^ Lego City

Thursday, October 02, 2008

ใคร... จะเข้าใจ...

บางทีการที่เราทำเต็มที่แต่ไม่ดีในสายตาคนอื่นมันทำเอา เสียความรู้สึกไม่น้อย ถ้าคนที่เค้าหาว่ามันไม่ดี มองไม่เห็นความเต็มที่เพราเค้าเองเคยโดนมาแล้วล่ะก็ เมื่อไหร่ที่พฤติกรรมแบบนี้จะหยุดได้... เพราะมันกลายเป็นลูกโซ่ไปซะแล้วเนี่ยสิ...

การที่ใครบางคนทำเต็มที่ เต็มความสามรถ แต่ดันไม่ได้ผลงานที่ดีเท่าที่ควรในสายตาของอีกคนนึงก็อาจจะทำให้คนที่ทำ เต็มที่รู้สึกว่า จะทุ่มเทไปทำไม...

เราก็เป็นอีกคนนีงที่ชอบดูการทำงานมากกว่าผลสุดท้าย เพราะช่วงการทำงาน มันบอกได้ว่าเค้าทุมเทกันแค่ไหน เพราะถึงผลสุดท้ายที่ออกมาจะดีแค่ไหนก็ไม่ได้ดีในสายตาของคนบางจำพวก ประเภท"ชั้นก็ทำได้" (ที่มักจะเป็นพวกเดียวกับ "ดีแต่ปาก" กับพวก "อคติไม่มีเหตุผล"

ความตั้งใจหรือคำว่าดีที่สุดของคนนึง อาจจะไม่ใช่ดีที่สุดของอีกคนนึง แต่ใคร... จะเข้าใจ...

Tuesday, August 19, 2008

Prime Meridian @ Greenwich

Greenwich [South-East London...]


ในโซนนี้มีสามส่วนให้เข้าไปดู ถ้าจากถนนใหญ่จะมี Naional Maritime กับ Queen's House ส่วน Royal Observatory ต้องเข้าไปอีก เดินขึ้นไปบนยอดเนินถึงจะเป็นจุดที่เค้าถ่ายูปกับเส่วนเวลาโลกกัน ไปสองรอบก็แล้ว Queen's House ก็ยังไม่ได้เข้าอยู่ดี ส่วนข้างใน National Maritime เรากลับรู้สึกว่าไม่ค่อยมีอะไร เป็นเหมือนที่กว้างๆตั้งร้านกาแฟ มีตู้กระจกใส่อุปกรณ์ดาราศาสตาร์กับพวกเครื่องมือบอกเวลาอะไรนี่ล่ะ ส่วน Royal Observatory รวมอุปกรณ์เครื่องมือคำณวนเวลา จะมีที่น่าสนใจก็ที่เป็นห้องมืดๆ มีโต๊ะสีขาว เป็นสกรีนฉายวีดีโอวงจรปิดจากด้านหน้าผ่านหลังคาลงมา ง่ายๆคือโปรเจ็คเตอร์น่ะแหละ กับบ้าน น่าจะเป็นบ้านของคนที่คิดเรื่องเส้นละติจูดลองจิจูด กับเวลาอะไรนี่ เป็นบ้านไสตล์อังกฤษที่เค้าใช้อยู่ใช้ทำงานอะไรแบบนี้ นอกนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไร ส่วนอื่นๆมันเหมือนจะปิดกันยังไงก็ไม่รู้ ส่วนของตู้ข้างๆสัญลักษณ์ที่บอกว่ามาเหยียบเส่นเวลาแล้วก็เป็นตู้ปริ้นกระดาษที่บอกว่ามาเที่ยวแล้วนะอะไรแบบนี้ ก็หยอดเหรียญยเข้าไปปอนด์นึง กดปุ่มแล้วมันก็จะมีกระดาษออกมา พร้อมกับเวลาที่เรากดและรายละเอียดอีกนิดๆหน่อยๆ แค่นั้น... ส่วนค่าเข้าฟรี แต่เล่นขอ Donate เยอะไปหน่อย อย่าง National Matitime ขอซะ 3.8 แต่เข้าไปไม่มีอะไรให้ดูมากนัก เผลอๆไปเสียค่ากาแฟ ส่วนของบ้านที่อยู่แถวยอดเนินก็เล่นขอซะ 6-8 ปอนด์ ก็โอว่าจักให้ดูน่ะ จัดดีแต่เราว่าเรียกเยอะไปมั้ยอ่า... ว่าไปก็ขี้โกงไปเดินไม่ค่อย Donate ให้เค้าว่ะ อิอิ ก็ไม่มีงานทำนี่หว่า มีให้บ้างนานๆทีแต่แบบปอนสองปอนงี้ (แล้วแต่อารมณ์ว่ะ) ส่วนใหญ่ที่หยอดให้ก็จะหยอดให้เฉพาะที่ที่เค้าให้ถ่ายรูปได้อะ เหอๆๆ

สถานที่นี้อยู่ที่ไหนน่ะเหรอ ใกล้สถานี DLR Cutty Sark แต่อี DLR ปิดซ่อมบ่อยมากกก ช่วงเสาร์อาทิตย์ เลยแนะนำว่าในกรณีที่ไม่มีรถไฟ ให้ไปที่ O2 ให้ได้ ซึงเป็นท่ารถที่รถเมล์ผ่านเยอะอยู่พอสมควรแล้ว ไปต่อรถเอาจากป้ายที่เขียนว่า Greenwich (ดูดีๆด้วยว่าลูกศรบนป้ายหันไปทาง Greenwich รึเปล่า ไม่งั้นไปคนละทางจะไม่ถึงเอา) 188, 286 ที่ไปแถวนี้แน่ๆ แต่สายอื่นไม่แน่ใจ ก็ลองไปดูๆเอาได้ เวลาเปิดปิดก็ประมาณ 10.00-17.00 ด้านหน้าทางเข้าเลยเค้ามีบอกอยู่รายจุดเลยว่าจุดไหนจะปิดกี่โมง วันที่ไปครั้งที่สองนี้ปิดห้าโมงเย็นพร้อมกันทุกจุด (คราวแรกที่มา เป็นวันธรรมดาส่วนบนเนินเลยปิดช้ากว่าหน่อย)

ใกล้ๆสถานี Cutty Sark มีตลาด Greenwich Market ด้วยลองแวะเขาไปดูได้ (วันเสาร์มีชัวร์ แต่วันอื่นไม่แน่ใจ) รูปก็ดูเอาจากในสไลด์ด้านบนแล้วกันนะ :)

Tuesday, July 29, 2008

Portsmouth & Isle of Wight Island on 21 July 2008

ไม่มีเน็ต และไม่ได้ใช้เครื่องตัวเองต่อซะนาน จำไม่ได้ว่ามีที่ไหนก่อนหน้า ที่นี่มั่ง แต่ถ้ามียังไงไว้จะเอามาลงให้ทีหลัง เพราะฉะนั้นวันนี้มารับหน้าร้อน ณ ประเทศอังกฤษกันไปก่อน เพิ่งไปเที่ยวมะเมื่อวันที่ 21 กรกฏาคมที่ผ่านมา เหอๆ ไม่บรรยายนะ ดูรูปเอาเองแล้วกัน เหอๆ


Saturday, June 28, 2008

V&A ต่อ + ข่าวคราวนิดๆหน่อยๆ

และแล้วก็แวะไปเก็บรูปสวนมาฝากเรียบร้อย... เข้าไปดูได้กดที่นี่เลย ต่ออันที่เคยลงไปแล้วอะแหละ ตามเคยแบบไหนๆก็ออกไปติดต่อเรื่องเน็ตแล้วก็ไปซะหน่อย จริงๆก็เหลือบางส่วนที่ยังไม่ได้เดินด้วยเลยไปเดินๆจนครบ เข้าไปดู Exhibition พิเศษ Blood on Paper มา กำลังจะเปลี่ยนสิ้นเดือนนี้พอดีเลย ดูๆแล้วก็ไม่อยากจะไปวิจารณ์มากเพราะเราไม่ได้อ่านรายละเอียดคอนเซปงานเค้า กับมานั่งตีความง่ะ แต่ถ้าเอาแบบดูผ่านๆ อาจจะมองว่า แบบนี้เหรอ แค่นี้เหรอก็เอามาโชว์เป็นงานศิลป์อะไรแบบนี้... -_-“

ช่วงนี้ของเริ่มลดราคากันแล้วขนาดที่ว่ามีลงหนังสือพิมพ์กันเลยว่าที่ไหนจะเริ่มวันไหน แตสำหรับเรา รอไว้หลังๆก่อนดีกว่าเพราะไม่รีบ แค่นี้ก็เยอะเกินจนจะขนไม่ไหวแล้ว ไปแวะร้านนู้นทีร้านนี้ทีก็เสียเงินไม่น้อย เลยไปหาที่เดินเล่นแบบไม่เสียเงินดีกว่า แน่นอนว่าไปลงเอยตามพิพิธภัณฑ์... ยังมีอีกที่ยังไม่ได้ไปนะเนี่ยย...


สถานีรถไฟใต้ดินที่ไม่ได้อยู่ใต้ดิน!!
สถานี้ทางแถบตะวันตกของลอนดอนมันแปลกๆชวนงงยังไงไมรู้ แบบเหมือนจะเชื่อมกันแต่ก็ไม่... จะเป็นเอาหนักที่สายสีเขียว (District) กับสายสีชมพู (Hammersmith) ซึ่งสายสีเขียวเนี่ย วิ่งกระจายไปซะวุ่นวาย ส่วนเส้นสีชมพูที่ดูเหมือนจะต่อจากสายสีเขียวได้ก็ต้องออกเข้าใหม่ เสียเงินเพิ่มซะงั้นนี่... ถ้าใครไปเปลี่ยนก็คงงงไม่น้อย แต่ขอเตือนว่าระวังสถานีบางที (ย้ำว่าบางที่ที่มีการต่อสายไปรถไฟประเภทบนดิน) ที่เสียบบัตรออกจะเป็นแบบว่าอยู่ริมเสา คือคนไม่เห็นก็อาจจะเดินเลยไปเลยได้ เพราะฉะนั้นต้องมองดีๆไม่งั้นจะโดนชาร์จ 4 ปอนด์ไปฟรีๆเพราะไม่ได้ตัดบัตรตอนออกก่อนเข้าใหม่ ส่วนรูปที่เอามาให้ดูนี่คือจากสถานี Paddington มีป้ายบอกให้เอาบัตรทาบที่นี่... มันอยู่แถวๆเสาข้างบันได

Wednesday, June 25, 2008

National Gallery @ Trafaglar Square

อย่างที่เคยทำ... ไหนๆก็ออกข้างนอกแล้วก็เลยไปเดินเล่นต่อ(ซะไกล) ไปทีเดียวเลย ช่วงนี้ย้ายที่อยู่ ข้าวของมีซื้อเพิ่มบ้างเล็กน้อย แล้วยังของที่เค้าเริ่มเซลอีกตะหาก บัตรรถเลยเหมาจ่ายรายสัปดาห์มาก็ใช้ซะเอาให้คุ้ม ช่วงนี้ก็จ่ายแต่อะไรที่จำเป็นแค่นั้นจริงๆ (ปกติขนมนี่ ติดมือกลับมาประจำ แต่หลังๆ งด!! เพราะเริ่มเอียนกับอะไรที่เดิมๆ ไม่รู้จะกินอะไร และรู้สึกไม่อยากจะจ่ายเงินแล้ว o_o) ส่วนพิพิธภัณฑ์เนี่ย ก็ยังไปไม่ครบเลย ไหนๆอยากเที่ยวแบบไม่ต้องเสียเงินเยอะก็ไปที่แบบนี้อะแหละ ที่ละวัน เดินให้ทั่วก่อนเหอะ ว่าแล้วก็ยังไม่ได้ไป British Museum รอบที่สองเลย แล้วยัง Victoria & Albert Museum ที่กล้องแบตหมดก่อนจะเดินครึ่งหลังที่เหลือ -_-" วันนี้เลยมาแนะนำที่เที่ยวอีกที่ (ไม่ได้ตั้งใจจะมาเอาที่เก่าที่ยังเขียนไม่ครบมาต่อเร้ยย) National Gallery... ตั้งอยู่ที่สนามหลวง เอ้ยย... Trafaglar Square (สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ Charring Cross เส้นสีดำริมแม่น้ำ Thames -- ไม่ได้ต่างอะไรกับเจ้าพระยาที่บ้านเรา ว่าไปเหมือนมันจะแคบกว่าด้วยอะ!!) ก็มันไม่ได้ต่างอะไรกับสนามหลวงนี่หว่า... ที่นี่ใช้ทั้งหาเสียง การแสดง ตลาด คอนเสิร์ต สารพัดประโยชน์ ไม่รู้ว่าจะชุมนุมประท้วงที่นี่กันด้วยมั้ย (แต่เหมือนว่าน่าจะ อิอิ)

เปิดให้เข้าไปตั้งแต่ 10.00 จนถึง 18.00 ยกเว้นวันพุธที่เปิดนานหน่อย เข้าได้จนถึงสามทุ่ม ส่วนวันปิดทำการคือวันปีใหม่กับ 24-26 ธันวาคม การเดินทางกับแผนที่ กดเข้าไปดูเองนะ ไม่อยากไปขโมยรูปเค้ามาอะ

ที่ชอบอย่างนึงคือ เค้าเอารูปวาดบางรูปมาเป็นกิจกรรมให้เด็กเล่น จะได้ไม่เบื่อเวลาที่พ่อแม่ไปเดินชื่นชมความงามของภาพวาด

อ่อ ลืมบอกไปว่าที่นี่มีแต่ภาพวาดนะ ภาพวาดของศิลปินดังๆ ตั้งแต่ปี 1250-1900 กันเลยทีเดียว ส่วนห้องจัดแสดงไม่รู้จะใหญ่ไปไหน เดินเมื่อยขาไปแล้วยังดูไม่ครบเลย แต่ละรูปใหญ่ๆทั้งนั้น แล้วกินที่จนต้องแบ่งไปหลายห้องในแต่ละโซน มีที่นั่งให้นะ อยู่กลางห้องเลย นั่งได้ จะนั่งนานๆก็ได้ (ถ้าไม่เกรงใจคนอื่นและ ไม่อายคนแก่ที่เดินๆดูงานศิลปะกันบบไม่ค่อยจะนั่งพัก!!) มีเก้าอี้พับให้เอาไปนั่งด้วยนะถ้าไม่อยากไปเล่นเก้าอี้ดนตรีกับคนอื่น แต่เท่ที่เห็นส่วนมากที่เค้าเอาเก้าอี้พับไปด้วยจะเป็นพวกที่มานั่งวาดรูปมากกว่านะ เห็นคุณลุงตั้งหลายคนมานั่งวาดรูปด้วย วาดเร็วแล้วเหมือนด้วย ถึงจะเป็นภาพขาวดำแต่วาดเก่งโคตรเลยอะ... บางส่วนที่ไม่ใช่นิทรรศการถาวรจะต้องเสียเงินเข้าไปดูนะ เข้าไปอัพเดทกันเองในเว็บของเค้าเอานะ --> กดเข้าไปที่ National Gallery ส่วนรูปก็อย่างที่บอก เป็นแกลเลอรี่ อดถ่ายรูป เลยเอามาให้ดูแค่บางอันนะ :)



<<---

อันนี้ถ่ายเล่น... เห็นสวยดี ข้างในก็สวยกว่าแต่เค้ามะให้ถ่ายอ่า... เลยเอามาฝากไปแค่นี้ละกันนะ




ที่บอกว่าเป็นใบกิจกรรมให้เด็ก ทีแรกว่าจะหยิบมาก็อายเค้าว่ะ มันเขียนว่า pre-read รึ pre-school ซักอย่างคือ... มันน่าหยิบให้คนอื่นเห็นมั้ยล่ะนั่น... แต่เราก็ไปเจอมุมมืดมุมนึงมีวางอยู่เป็นตั้งเลย เลยแอบหยิบมา อิอิ ;p ส่วนสองอันล่างนี่เอามาให้ดูเล่นๆ ว่าคนที่มานั่งวาดนั่งเขีนอะไรแบบนี้มีเป็นประจำ... เรื่องปกติอะ แต่ส่วนมากที่มาวาดเนี่ยเค้าวาดสวยเหมือนกันนะ บางทีเห็นแล้วเสียดายแทนอะเพราะมันอยู่แค่วันเดียวเองอ่า...

Monday, June 16, 2008

Victoria and Albert Museum

เห็นเค้าเขียนย่อเป็น V&A เป็นที่รวมงานศิลปะทั้งรูปวาด รูปถ่าย ประติมากรรม สถาปัตย์ผสมกับอินทีเรีย กระทั่งงานโปรดักส์ทั้งจากสมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน ยังไม่พอเพราะว่า จะดูที่มาจากมุมไหนของโลกล่ะมีเป็นโซนๆด้วยว่าจากทวีปไหน เปิดทุกวัน 10.00-17.45 ยกเว้นวันศุกร์ที่จะเปิดจนถึงสี่ทุ่ม อ่อ 24-25 ธันวาคมด้วยที่ไม่เปิด เดินๆ กะไปชิวๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร ที่ไหนได้ ขนาดเดินผ่านๆยังใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆเลย แล้วยังเหลืออีกประมาณครึ่งนึงที่ยังไม่ได้ไป แต่ที่ชอบมากๆคือสวนตรงกลาง ที่มีบ่อน้ำแบบลงไปเดินเล่นได้ด้วย เหมาะมากกับหน้าร้อนแบบนี้ อิอิ จะถ่ายรูปมาแบตกล้องหมดซะก่อนนี่ แต่ดูๆแล้วตั้งใจจะไปอีกรอบอยู่แล้ว (ส่วน British Museum ที่ว่าจะไป จะไปยังไม่ได้กลับไปอีกรอบเลยเนี่ย แล้วรู้สึกว่าจะยังมีอีกหลาย museum ฟรีที่ยังไม่ได้แวบเข้าไปดูเลย) ที่นี่เค้าจัดแปลนแปลกๆยังไงไม่รู้ มีชั้น 0 – 4 ที่เป็นแกลเลอรี่ ส่วนชั้น 5-6 เป็นเหมือนห้องสัมมาประมาณนี้แล้วก็รู้สึกจะไม่เปิดให้ขึ้นด้วย ส่วนที่เราไปเดินมา ไม่ทันได้ไปชั้นสี่ เดินแค่ 0-3 ก็ยังไม่ครบเลยอะเนี่ย บางอันก็ไม่ได้ดู เดินผ่านๆไปก่อน กะจะเก็บรูปภาพรวมให้ครบ ถ่ายเก็บเฉพาะอันที่โดนๆ อิอิ ที่นี่ก็มีให้เล่นอีกเช่นกัน เรียกว่าส่วน Hands-on Exhibition ส่วนมากเป็นแบบให้วาดรูปตาม ไม่ก็เป็นพวก Touch Screen วีดีโอแบบสั้นๆก็มีให้ดูบ้าง ชอบที่ให้ทำคล้ายๆโลโก้ชื่อย่อใส่กรอบมีกรอบอยู่แปดแบบ กับอันที่ให้ออกแบบลายผ้า แต่เค้ามีให้เลือกเอาไปใส่มิกซ์ๆเอาเองนะ สองอันนี้อยู่ส่วนของ British Galleries 1500-1760ถ้าจากแผนผังจะอยู่โซนสีน้ำเงิน ชั้นสองนะ
แผนที่ หรือเรียกว่าแผนผังหว่า เหมือนว่าจะเปลี่ยนเช่นกัน เพราะที่เอามาเห็นเขียนว่า Spring/Summer 2008 แต่น่าจะเป็นส่วนของนิทรรศการหมุนเวียนมากกว่าที่จะเปลี่ยนเป็นช่วงๆ พวกนั้นเสียเงินเข้าอะ แต่ว่าถ้าเป็นสมาชิกของ V&A ที่นี่เวลามีนิทรรศการที่เปลี่ยนๆแบบนี้เข้าไปดูได้เลย ไม่ได้เช็คเหมือนกันว่าค่าสมาชิกมีมั้ย ราคาเท่าไหร่ (เพราะไม่คิดจะสมัครหรอก ไม่ได้อยู่ต่อและไม่ได้งานที่นี่นี่หว่า) แต่ถ้าสนใจรึอยากจะรู้ก็เข้าไปดูเองได้ที่เว็บของ V&A อะนะ




RAF Museum

ไม่อยากเป็นแบบที่เรียกว่าใกล้เกลือกินด่าง เลยไปเดินซะหน่อยก่อนย้ายที่อยู่ไปซะไกล Royal Air Force Museum เดินจากสถานี Colindale โซนสี่ วันที่ไปเป็นช่วงวันพ่อของอังกฤษพอดี (ไปวันที่ 14 ส่วนวันพ่อจริงๆวันที่ 15) เลยมีอะไรให้ดูเยอะอยู่ ประมาณจัดเพิ่มจากปกตินิดหน่อย (มีเครื่องเล่นประมาณ Fun Fair ที่คล้ายๆงานวัด -_-“ แต่ไหงดูมันน่ากัวๆพิลึก ม้าหมุนงี้ ชิงช้าหมุนๆ กะ ชิงช้าสวรรค์งี้ หมุนได้แบบเหมือนไม่อยากให้เล่นอะ ไม่รู้ว่าคนนั่งมีหล่นลงมามั่งมั้ย หมายถึงม้าหมุนนะ) แต่ปกติที่นี่จะเงียบแบบที่เคยนั่งรถผ่านแล้วยังคิดว่ามันเปิดให้เข้ารึเปล่าเนี่ย ไม่เห็นจะมีคนเลย ส่วนข้างในมีแต่เครื่องบินแบบสะใจกันเลยทีเดียวถ้าชอบ!! ถ้าไม่ชอบคงบอกว่ามันต่างกันตรงไหน แล้วยังมีอะไรที่เกี่ยวกับเครื่องบินและอันที่ทำให้ไปลอยบนอากาศได้อีกนิดๆหน่อยๆ ส่วนมากเน้นที่เครื่องบินรบในสมัยก่อน มีจัดฉายเรื่องเกี่ยวกับประวัติเป็นรอบๆด้วย รอบละยี่สิบนาทีได้ ก็เป็นประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลก และฮิตเลอร์ประมาณนี้ แล้วส่วนที่เป็นร้านขายของที่ระลึกก็มีจำลองเครื่องบินมาให้เล่นด้วย (ดูข้างล่างต่อเอาว่ามันคือส่วนไหน)
เครื่องบินเยอะ จัดกันแบบว่า อัดๆเข้าไป แต่เค้าก็เรียงให้เดินดูได้ทั่วดีเหมือนกัน แบบเข้าแล้วไปออกอีกทาง นอกจากเครื่องบินก็ยังมีหุ่นคนที่แต่งชุดทหาร หุ่นชาวบ้านสมัยนั้นด้วย กะมีฉากจำลองอีกนิดๆหน่อยๆ เป็นมุมย่อมๆ ก็น่ารักดี

เปิดให้บริการตั้งแต่ 1972 เป็นที่รวมเครื่องบินกว่าร้อยลำจากทั่วโลกรวมถึงลำที่มีการอออกแบบในยุคแรกๆจนถึงยุคปัจจุบัน แต่จากที่ดูๆแล้วจะเน้นที่เครื่องบินทางการทหารมากกว่า ที่นี่จัดเป็นส่วนๆ แบ่งเป็น 6 ส่วน
ส่วนแรก เป็น Battle of Britain Hall ที่จะเปิดช่วงบ่าย ส่วนนี้จัดแสดงเครื่องบินและประวัติช่วงสงครามประมาณปี 1940 จุดเด่นอยู่ที่เรือบินได้ Sunderland ที่ไปเดินดูข้างในได้ด้วย และเชื่อมกับส่วนอื่นในตึก เดินต่อไปยังส่วนอื่นที่จัดแสดงได้ด้วย
ส่วน Grahame White Factory เป็นที่จัดแสดงเครื่องบินโบราณ อารมณ์แบบเป็นโรงงานเก่าและเค้าก็พยายามรักษาไว้ เป็นเหมือนโรงสังกะสี เปิดถึงแค่ตอนเที่ยงนะ แต่วันที่เราไปมาเป็นโอกาสพิเศษมีคนแต่งตัวเหมือนมาจากยุคนั้นเดินไปเดินมาด้วย แล้วยังเปิดให้ดูทั้งวันอีก (กว่าเราจะไปดูไปก็บ่ายแล้วง่ะ)
หลังจากนี้จะเป็นส่วนที่เปิดตลอดตั้งแต่ 10.00-18.00 แต่รอบสุดท้ายที่เข้าได้คือ 17.30 นะ
Milestones of Flight ส่วนนี้เปิดให้เข้าตั้งแต่ปี 2003 เป็นที่รวมเครื่องบินในยุคร้อยปีแรกหลังจากที่ โอวิล ไรท์ ได้สร้างเครื่องบินขึ้นมา และรวมพัฒนาการของเครื่องบินด้วย
Bomber Hall เหมือนจะเป็นคล้ายๆอนุสรณ์ที่ทำเพื่อไว้อาลัยทหารกว่าแสนคนที่เสียชีวิต (ระเบิดลง)
Historic Hangars ส่วนนี้จัดบ่างเป็นห้าส่วนที่จะบอกเกี่ยวกับ RAF กับ เครื่องบิน
Aeronauts Interactive Centre ส่วนนี้มีอะไรให้เล่นด้วย มีจำลองเครื่องบินมาให้นั่งเล่นด้วย อิอิ วันธรรมดาส่วนนี้จะเปิดให้เข้าได้ถึงแค่ 16.30 นะ
จากเว็บจริงๆมีสองที่ อีกที่อยู่ Cosford (นอกลอนดอน!!) ไม่รู้ว่าเป็นไงเหมือนกัน เอามาลงให้คร่าวๆแค่นี้พอ เว็บเค้าก็มี เข้าไปดูกันเอาเองนะ เพราะถ้าไม่ไปมาเราไม่เขียนหรอก ถ้าจะเอาจากเว็บไม่ต้องไปถึงที่ก็ได้ แต่เราก็เขียนในมุมเรา ลงให้คร่าวๆว่ามีอะไรบ้างเฉยๆ เข้าไปดูได้ที่ เว็บไซต์ของ RAF Museum เค้ามีให้กดสลับไปดูของ Cosford ด้วยนะ แต่เราไม่ได้กดเข้าไปดูนะเพราะไม่ได้คิดจะไปที่นู่นอะ กดเฉพาะอันที่เราไปดูได้ (ในลอนดอนทั้งนั้นอะแหละ เหอๆ)


Friday, June 13, 2008

Tate Modern Gallery

Art Gallery ที่งานจะเป็นแนวๆ Modern หน่อยแต่มีแค่ภาพวาดกับประติมากรรมอีกนิดๆหน่อยๆ ถ้าจะแวะมาก็นั่ง Underground ไปขึ้นที่ Mansion House Station (เส้น District Circle Line) แล้วเดินข้าม Millennium Bridge เอารู้สึกว่าเหมือนจะใกล้กว่าเดินจาก Waterloo Station นะ วันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสเปิด 10.00 – 18.00 แต่เปิดให้เข้าได้ถึงแค่ 17.15 ส่วนวันศุกร์กับวันเสาร์เปิด 10.00 – 22.00 รอบสุดท้ายที่เข้าได้คือตอน 21.15 แล้วทางแกลเลอรี่มีฟรีไกด์ทัวร์ให้ด้วยนะ แต่ต้องไปเช็คเองว่านิทรรศการในส่วนไหนจะมีตอนไหน

ในแปลนของแกลเลอรี่ที่เอามาเค้าเขียนว่าเป็นแผนผังช่วง พฤษภาคมถึงกันยายน 2008 สงสัยว่าเค้าจะเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน ไม่ได้ถาวรเหมือนที่อื่นๆ แค่ช่วงเวลาที่จัดให้ดูจะนานหน่อย แต่นิทรรศการบางส่วนก็เสียค่าเข้านะ
ชั้น 1 มีแค่ร้านขายของที่ระลึก ห้องฝากของ และประชาสัมพันธ์ ส่วนที่ฝากของเนี่ยเห็นเค้าเขียนว่า 2 ปอนด์ (ที่นี่เค้าเรียก Cloak Room)
ชั้น 2 เป็นทางเข้าหลักที่เดินเข้าจากทางด้านริมแม่น้ำ Thames กับสะพาน Millennium Bridge ที่บอก แต่กวนๆหน่อยตรงที่บันไดเลื่อนมันเลื่อนจากชั้น 1 ที่อยู่ข้างล่างผ่านไปถึงชั้น 3 เลย คือถ้าเข้าแล้วชั้นนี้จะมีประชาสัมพันธ์ ร้านขายของ ร้านกาแฟ ห้องสัมมนา กับ แกลเลอรี่ แต่ดูแล้วมันแปลกๆ เหมือนว่าสองส่วนหลังที่ว่านี่มันอยู่ต่ำกว่าที่เดินเข้ายังไงๆไม่รู้นะ แล้วที่เราไป Gallery ก็ไม่เห็นมีอะไร
ชั้น 3 เริ่มนิทรรศการ แต่ชั้นที่ 4 เสียค่าเข้าอะ เลยไม่ได้เข้า และตอนที่เราไป ฝั่งนึงเค้ากำลังเตรียมของนิทรรศการอันใหม่อยู่ ส่วนชั้น 5 ก็เข้าได้ตามปกติ แต่ละชั้นเค้าจะแบ่งสามส่วน ปีกซ้าย ปีกขวา กับตรงกลาง แต่ส่วนตรงกลางจะเล็กๆหน่อย
ชั้น 7 เป็น Tate Café and Restaurant มีอาหารที่เปลี่ยนไปตามเทศกาลด้วย แต่อันนี้ไม่ได้ขึ้นไปอะ เพราะ ตั้งแต่ชั้น 5 -7 เนี่ยมีลิฟท์แต่ไม่มีบันได้เลื่อนอะ เราก็ขี้เกียจเดินแล้ว (อย่างที่บอก แกลเลอรี่ที่นี่มันใช้เวลาดูนาน) ปวดเท้าเพราะอยากสวยฮ่ะ ใส่ส้นสูงไปเดิน -_-“ (ถึงจะไม่สูงมากก็เถอะ เหอๆ)

แปลนที่เอามา บอกว่าตอนนี้มีอะไรให้ดูบ้าง แล้วอยู่สวนไหน รวมถึงนิทรรศการต่อไปที่จะจัดด้วย แล้วก็มีส่วนที่เป็นโต๊ะสีส้มๆแดงๆที่เป็นเหมือนตู้เกม ตู้ทีวี อะไรแบบนี้เรียงอยู่ริมๆ ระหว่างปีกซ้ายกับปีกขวา ส่วนห้องเค้าจัดเรียงใช้ได้เลย ส่วนมากเดินได้ครบเพราะทางเข้าออกมันจะวนกลับมาที่ห้องแรกที่เดินเข้าอยู่แล้ว...


Tate Boat

สะพานที่บอก แต่อันนี้เราเดินจาก Tate กลับไปขึ้น Underground ที่ Mansion House นะ

สะพานที่ทางขึ้นอยู่ข้างนอก Tate Modern และไม่ได้เชื่อมกับตึก อ่อ สะพานนี้ คนเดินเท่านั้นนะจ๊ะ (เดินไปกลัวๆไป กัวว่ามันจะพัง ดูมันเบาๆไงไม่รู้อ่า -_-")


รูปสุดท้ายเป็นเก้าอี้พับที่หิ้วไปด้วยได้ เห็นบางคนเอาไปนั่งอยู่หน้ารูป ไม่รู้แกประทับใจอะไรมากมายก็ไม่รู้ บางคนก็นั่งแก้เมื่อย ส่วนมากที่เอาไปนั่งเนี่ย คนมีอายุทั้งนั้นนะ เด็กๆไม่เห็นเอาไปนั่งเลยอะ แต่คิดว่าถ้าอย่างคนที่เรียนวาดรูปก็คงมาหิ้วไปได้ แบบเอาไปนั่งวาดรูปอะไรแบบนี้...

รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปดูที่ www.tate.og.uk/modern [Tate Modern, Bankside, London, SE1 9TG]

Wednesday, June 11, 2008

101 ปี Northern Line

ถ้าคนที่มาเรียนต่อคงไม่มีใครไม่เคยขึ้นรถไฟใต้ดิน... ส่วนสายที่มันมีหลายๆสีนี่คงทำความเข้าใจกะมันยากหน่อยนอกจากจะใช้บ่อยๆจนชิน... สายสีดำก็เป็นสายที่เรานั่งประจำ หออยู่แถวๆสายนี้ ถ้าไปสายอื่นมันจะถึงเหรอ... -_-"
22 มิถุนายนนี้ก็ครบรอบ 101 ปีของรถไฟ (ใต้ดิน) สายสีดำที่แล่นในลอนดอนแล้ว 15 สถานีแรกที่มี ส่วนมากวิ่งจากกลางเมืองขึ้นเหนือกันหมดเลย สงสัยแบบนี้ สายสีดำถึงเรียกว่า Northern Line เดิมเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของโลกที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 1890 แบ่งเป็นสองสาย City กับ South London Railway สายของ City วิ่งจาก King William Street ไปถึง Stockwell ตอนนี้ไม่ใช้แล้วล่ะ อีกอันไม่แน่ใจไม่เขียนละกัน ส่วนสถานี Charing Cross, Euston และ Hampstead เปิดให้บริการ 22 มิถุนายน 1907 และเรียกกันว่า Hempstead Tube สถานีอื่นๆก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงสงครามโลก เป็นประโยชน์มากๆ เพราะเป็นที่กำบังจากระเบิดทางอากาศ เอาไปคร่าวๆนะ เพราะเอาใบปลิวจากสถานีมาถ่ายรูปเอาขึ้นให้ ไปอ่านเอาเอง... เหอๆ...
ปล. ใบที่เอามาของปีที่แล้ว ;p เพราะตอนนั้นยังไม่คิดจะทำอะไรมีสาระ มากไปกว่าเที่ยวไปวันๆถ้าไม่มีเรียน 55++

Wednesday, May 14, 2008

Shopping Street

เหมือนว่าจะเคยเขียนไปแล้วเกี่ยวกับ Shopping แต่อันนั้นเป็นแบบ Supermarket ที่ขายของทั่วไปชนิดที่ว่า จะเอาอะไรมีหมดประมาณนี้ คราวนี้มาเอาที่เที่ยวที่เป็นแบบ ถนน Shopping มั่งแล้วกัน...

Portobello Market กับ Covent Garden ก็อารมณ์แบบ ตลาดนัดบ้านเราเนี่ยแหละ แล้วมีอีกบาน ไม่ใช่แค่สองที่นี้หรอก แต่มันเยอะจนไม่รู้ว่ามีที่ไหนมั่งมากกว่า และจะมีวันไหน เพราะอย่างที่บอก มันก็อารมณ์แบบบ้านเราที่ว่าจะมีเฉพาะวันไหน กี่โมงก็ว่าไป... แล้วเราคิดว่าสองที่นี้คงหาอ่านกันเองได้เพราะมันก็ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอยู่ แต่เราจะไปลงในส่วนที่ไม่ค่อยมีใครสนใจแทนแล้วกัน ไหนๆก็แล้ว คร่าวๆให้ก่อนว่าสองที่นี้มันมีอะไรต่างกันมั่ง...

Portobello Market เอาตามตรงมันจะเรียกว่าตลาดคงจะแปลกๆ เพราะมันเป็นถนนคนเดินที่ขายของสองฝั่งมากกว่า เล่นขายกันสองฝั่งรถที่ไหนจะผ่านก็มีแต่ผ่านลำบากหน่อยแค่นั้น และถนนนี้ยาวมากกกก ชนิดที่ว่าถ้าจะเดินกันเนี่ย เดินแบบไม่แวะคงชั่วโมงนึงได้เลยแล้วไปออกอีกฝั่งเอา คิดว่าคงไม่มีใครบ้าเดินเข้าไปสุดทางอีกฝั่งแล้วเดินออกมากลับทางเดิมได้ (ถ้าใช้อะไรที่มีล้อช่วยค่อยว่ากัน) สว่นของที่ขายก็เป็นพวกมือสองแนวๆ ของโบราณหายากอะไรแบบนี้มากกว่า ราคาก็โอนะสำหรับนักสะสม เพราะไม่ได้แพงเว่อร์แต่ก็เลือกๆหน่อยแล้วกัน ของกินล่ะก็ตลาดนี้ชึ้นชื่ออีกเช่นกันเรื่องผลไม่ราคาถูกมาก เพราะคนที่ขายก็เหมือนว่าเป็นคนปลูกเองเลยแล้วขับรถเข้ามาขาย หลายเจ้าที่ของวางขายอยู่บนรถนั่นแหละ... ถ้าเจอของที่อยากได้เนี่ยควรจะซื้อเลย เพราะคงไม่เดินย้อนกันหรอก ถ้าอยากจะไปเดินทั้งสายนี้แบบกะดูให้ทั่วน่ะ อ่อ แล้วไปเจอของที่เหมือนกันถูกกว่าก็... เหอๆๆ ทำใจอย่างเดียว... เอาจริงๆไม่น่าจะเจอเหมือนกันมากนะ คนที่ขายก็ตามอายุของเลยอะ เหอๆ แบบ... ของในบ้านที่เก่าแล้วมีอะไรไม่ใช้ก็เอามาวางขาย คนขายแกก็มีอายุมากแล้ว คิดว่าที่วางคงเริ่มๆปลงกันอะ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมอะไรแบบนี้ เดินสนุกดีเหมือนกัน... รู้สึกว่าจะไม่มี Underground ไปถึงนะ แต่บัสอะไปได้ อันนี้บอกยาว่าไปยังไง เพราะไม่ได้ไปนานแล้ว ตอนที่ไปคือมาถึงอังกิดได้อาทิตย์ก่าๆเองมั้ง


Covent Garden ในส่วนที่เป็นร้านเลยเนี่ยจะเป็นยี่ห้อซะส่วนมากและค่อนข้างมีราคา ถ้าตลาดจะเป็นวันเสาร์ที่ดูจะคึกคักสุด ส่วนมากเป็นงานฝีมือนะ วันหยุดก็จะมีคนมาแสดงความสามารถมั่ง มาแต่งเป็นตัวประหลาดๆให้ถ่ายรูปมั่ง... แล้วคนก็ให้เงิน ถ้าคิดว่ามีอะไรเจ๋งๆอยากจะโชว์ก็มาได้ ท่าจะหาเงินได้ไม่น้อยเลยอะ แต่กรูม่ายมีอารายจาโชว์... เหอๆ... Underground ไปที่ Covent Garden ได้เลย แต่เช็คดีๆ เพราะอีสถานีนี้ชอบปิดประจำ แต่อีกสองสถานีที่ไปโผล่แทนได้ก็มี Leicester Square ที่ใกล้สุด แต่ถ้าไม่รีบ เดินเพลินๆ ไปถึง New Oxord Street ยังได้เลยอ่ะ แต่จะไปเดินเริ่มต้นสายเลยนะตรง สถานีรถไฟใต้ดิน Tottenham Court Road น่ะ เหอๆ ที่นี่ก็เดินหลงประจำ หุหุ กรุณาพกแผนที่ไปด้วย...

แหล่งช็อปปิ้งที่เด็ดๆคงไม่พ้นอีกถนนนึงที่ จริงๆมันมากกว่าหนึ่งนา... เพราะมันเริ่มตั้งแต่ Oxford Street ถึงNew Oxford Street แล้วช่วงระหว่างสองสายนี่ก็ยังมีสี่แยก... ง่ายคือ Oxford Circus ที่เป็นรถใต้ดินมาขึ้นนี่เลย มันมีแยกนึงที่เป็นถนนช็อปปิ้งอีกเส้น แต่เน้นแบรนด์ล้วนๆ Regent Street ง่ะ มีห้าง Hamley's ที่ขายของเล่นทั้งห้างด้วยนะ ถ้าอธิบายง่ายคือดูจากสถานีรถไฟใต้ดิน เริ่มจุดช็อปแหลกได้จากสถานี Tottenham Court Road หาป้ายถนนเอา ส่วนมากจะอยู่มุมตึกเหนือชั้นแรกเลยของตึกเลยอะ ถ้ากลัวหลงเส้นก็ถามหา Oxford Circus ก็ยังได้ เพราะมันเป็นสถานีถัดไปที่จะผ่าน เดินไปเรย... พอถึงที่ว่าแล้วก็ตรงไปอีกเป็น Bond Street สถานีรถไฟใต้ดินอีกจุดนึง เดินตรงต่อไปตลอดแนว สุดจุดช็อปแหลกที่ Marble Arch เห็นได้ชัดมากเพราะว่ามันคือสวนสาธารณะใหญ่ๆเลย Hyde Park ง่ะ (ก่อนถึง Hyde Park มี Primark ร้านที่คนเข้าเยอะสุด แถวจ่ายเงินยาวสุด เพราะขายเสื้อผ้าถูกสุด) เป็นงัย ยาววดีมะเดินเข้าไปสิ...


อีกจุดนึงที่เป็นจุดใหญ่แต่ไม่ได้อยู่ในใจกลางเมืองก็คือ Wood Green มีห้าง มีโรงหนังเยอะด้วย และถนนที่มีร้านค้าเรียงเป็นแถบเลย ยี่ห้อจะเป็นพื้นๆราคาไม่สูงมากนะโอเลย เดินสนุกไม่แพ้ Oxford Street เลยอะ (ไม่เหนื่อยเท่าด้วย เหอๆ) ส่วนสถานีที่ไปได้คือ Wood Green กับ Turnpike Lane (เส้นน้ำเงินอะ)

Kilburn, Enfield หรือจุดอื่นๆก็พอจะมีร้านค้าริมทางให้ช็อปพอสมควรเหมือนกัน เมืองนี้ที่ช็อปปิ้งเยอะจัด อยู่ไหนไม่มีที่ไหนที่จะไม่มีที่ไปเดินซื้อของ... ผลาญเงินได้ดีจริงๆ... -_-"

Tuesday, May 06, 2008

Shepherd Bush -> Fabric Market

หลังจากเรียนครอส fashion business เลยถามหาแหล่งผ้า เค้าก้อบอกมาว่าแหล่งใหญ่มีสองที่ มี่ที่นี่อะแหละกับแบรอทสตรีท แต่ที่แบรอทสตรีทจะเป็นชอปและราคาจะสูงกว่า แต่หาไม่เจอหว่าว่ามันอยู่ตรงไหนเลยไปที่เดียวก่อน ว่าไป เราเดินไม่เป็นเองรึเปล่า รึว่าเราเห็นแค่นั้นก็ไม่รู้ เพราะเราว่าไม่เห็นจะมีร้านขายผ้าเยอะอย่างที่คิดเลยอะ แล้วคนขายนี่ แขกท้างน้านน ไม่ต่างอะไรกับแถวพาหุรัด อ่อ ต่างแต่ว่าแขกที่นี่ไม่ได้พูดไทย (พูดได้คงผีหลอก) แต่ยังไง เราว่าเดินพาหุรัดสนุกกว่า (ตงไหน... ช่องก็เล็กแล้วยังมีรถเข็นกะมอไซมาขอแบ่งทางเนี่ย) ดูเป็นแหล่งผ้าจริงๆ เดินร้านนี้ต่อร้านนู้น ซื้อมาแล้วอ่าวผ้าเหมือนกัน ถูกกว่าด้วย... -_-" (แค้นนะนั่น) เฮ่ออ เรียนแฟชั่นที่นี่คงตายแหงมๆกะค่าผ้า เราดูๆแล้วเราว่าถ้าเอาจริงๆ ผ้าที่ขายในเมืองไทยดูจะหลากหลายกว่า ทั้งเนื้อผ้าทั้งราคาบางทีผ้าถูกๆแต่สสวยๆก็เยอะแยะไป แต่ถ้าทำธุรกิจแฟชั่นเราว่าผ้าเมืองนอกดูจะมีคุณภาพสูงกว่านะ เค้าจะบอกเลยว่าหดมั้ย แค่ไหน ดูแลยังไง ไม่รู้ว่ามีคนสนใจตรงนี้มั่งมั้ยอะแต่คิดว่าคงจะสนใจอะเพราะถ้ามันหดขึ้นมาเนี่ย สนุกเลยนะ ไม่ได้หดนิดๆนะแต่หดกันข้ามไซส์เลยทีเดียว กะว่าจะไปซื้อถ้าเจอผ้าที่ชอบแต่ก็ไม่เห็นอันไหนสะดุดตาเป็นพิเศษเท่าไหร่หว่า เลยไม่ได้มีติดมือกลับมาด้วย

สถานี Shepherd Bush Tube Station มันไปได้สองสาย จาก central line (เส้นสีแดง) รึจาก Hammersmith (เส้นสีชมพู) ก็ได้ ดูข้างล่างเอานะ :)

Saturday, May 03, 2008

ลานเสก็ตถาวรนะ ไม่ใช่ลานที่เปิดแค่หน้าหนาว

ไปเล่นที่ Streathem มาแล้วเห็นชัดโคดดด ว่าเป็นลานเนี่ย... เกือบนั่งเลยแน่ะ ไม่มีรองเท้าล่อไปซะ 8 ปอนด์ เหอๆ แพงใช้ได้อยู่... บรรยากาศก็ไม่ชอบเท่าไหร่นะ ถ้าเอาจริงๆ จากที่ไปเล่นมาแล้วเนี่ย ชอบที่ Lee Valley ที่สุด ส่วน Alexandrapalace ไม่ชอบแค่จาแต่งลานให้มันดูดีๆหน่อยไม่ได้รึงัย แต่มาเจอที่ Streathem นี่ไม่ไหวกว่า... ไกลอีกตะหาก แต่ก็แล้วแต่คนชอบด้วยล่ะ เราว่า แต่เราว่าลานที่ Lee Valley มันค่อยดูเป็นลานแข่งขันหน่อย น่าเล่น แล้วไม่ดูเก่าอะ เหอๆ ส่วนมากลานที่นี่เค้าจะมีกระจก จริงๆมันพลาสติก กั้นบนขอบลานด้วย ให้พวกฮอกกี้ง่ะ แต่ชั้นล่ะรำคาญจังเลย หุหุ รูปลานที่ Lee Valley เคยเอาขึ้นแล้ว ไปหาอันเก่าๆที่เขียนไว้เอานะ (ขี้เกียจทำลิงค์ไปอะ) เอามาลงให้แต่รูปลานที่เพิ่งไปนี่ล่ะ

Monday, April 28, 2008

Tower Bridge vs. สะพานแขวนเมืองไทย

เสาร์ที่แล้วไปเรียน Fashion Business ที่ Central Saint Martin College ที่ลงไว้เมื่อนานแล้ว เหอๆ ก็ฮาดีนะ แต่การจะเริ่มธุรกิจนี่มันอยู่ที่ว่า เฮงด้วยว่ะ... ไม่ใช่แค่ต้องมีเงิน!! เฮ่อออ...
เลิกเรียนสี่โมงไปเที่ยวกะกิ๊บและน้องๆที่มาเรียนภาษากันต่อถึงสามทุ่มได้... ไปเดิน Tower Bridge มา ที่ตอนหน้าหนาวไปตอนมืดแล้วและรีบไปดูลานเสก็ตที่อื่นต่อไง เลยไม่ได้เดินไปถึง Tower Bridge แต่วันนี้ไม่มีแดด มีแต่ฝน... ปรอยๆ หุหุ รูปไม่ค่อยสวยมากหรอก เหอๆๆ ไปหาเอาในเน็ตเองละกัน ขี้เกียจเอามาให้ดู ยืนดูจากข้างล่างมันก็สวยดีนะ แต่พอขึ้นไปเดินเล่นเฉยๆว่ะ เหมือน... "สะพานแขวน" บ้านเราดีๆนี่เอง... เหอๆ แล้วยังรู้สึกว่า เจ้าพระยาบ้านเรา (ถึงจาสกปรกไปหน่อย) มันก็ยังดูยิ่งใหญ่สมเป็นแม่น้ำสายหลักกว่า Thames ว่ะ เหอๆๆ ไม่รู้นะ อันนี้ต้องมาเห็นเอง... หลายอย่างที่ไม่ชอบ แต่หลายอย่างที่โอเค และหลายอย่างที่คิดว่าถ้ามันไปอยู่ในเมืองไทย ประเทศเราจะเป็นอะไรที่น่าอยู่ที่สุด??
  • การเดินทางเหมาจ่ายรายเดือนสำหรับคนทำงานประจำ เด็กนักเรียน ทั้งรถเมลล์ รถไฟฟ้า (จริงๆที่นี่ รถไฟที่นั่งเข้า-ออกเมืองก็มีรายเดือนด้วยมั้ง ถ้าจำไม่ผิด)
  • การแต่งตัวที่เป็นอิสระ หมายถึงว่าอยากแต่พิเรนแค่ไหน ถ้าบุคลิกไม่ใช่คนบ้าคนก็แค่มองเฉยๆแล้วผ่านไป ไม่ใช่มองนินทา... (อันนี้คงต้องใช้เวลานานมากกก ที่จะเปลี่ยนได้)
  • เรื่องตรงเวลา (บ้างก็ยังดีนะ ไอ้ที่นี่มันก็จะตรงเกินไปไหนวะ)
  • Charity ของบริจาคสภาพดีมาขาย แต่... ไม่ใช่ขายแล้วเข้ากระเป๋า เอา charity มาอ้าง!!

เรื่องอากาศคงเปลี่ยนกันไม่ได้แต่เรื่องที่เราบอกมันเปลี่ยนได้แต่มันต้องเปลี่ยนจาก ”คน” ก่อน... ซึ่งคิดว่า ยากมากกกก สำหรับสังคมไทย... ถ้านึกออกไว้จะมาเพิ่มละกัน หุหุ

Tuesday, April 22, 2008

13 Apr 2008 @ Bath City…

โอยยย กว่าจะเอารูปที่ถ่ายตอนไปเที่ยวที่ Bath มาขึ้นครบ ไม่รู้ระบบของเว็บรึคอมก็ไม่รู้มันจะมีปัญหาอะไรเยอะแยะนะเนี่ย... ค่ารถ 19.5 ไปกลับนะ ไม่ได้ไปรถไฟหรอก ไป coach เอามันจาถูกกว่า ถ้าไปรถไฟก็คนละ 50+ ได้ รถตรงเวลาโคดด... แต่เค้าไปรับคนที่อื่นด้วย มีจุดรับหลายที่ง่ะเหอๆๆ
โชคดีที่ว่าไป ฝนตกช่วงเย็นๆ แล้วตกไม่หนักและแปบเดียวก็หยุดแล้วเลยได้เดินเยอะหน่อย แต่ไม่ค่อยมีอะไรให้เดินเพราะมันเป็นวันอาทิตย์ ร้านปิดซะเยอะ ร้านที่เปิดก็ปิดเร็ว... ส่วน museum ที่นี่แม่งเสียเงินเข้าหมดเลย น้อยมากที่ไม่เสียเลยไม่ได้เข้าเลย เข้าไปแต่ Victoria Art Gallery ที่เดียว (จริงๆไปเข้าห้องน้ำหรอก เลยได้เดินดูเล่น) ไม่เสียค่าเข้าไง อิอิ นอกนั้นเสียเงินเลยได้แต่รูปจากรอบๆแถวนั้นมาฝากแทน เหอๆๆ เรียกว่าเหมือนจะไปไม่ถึง Bath จริงๆอะแหละ แต่ว่าถ้าจะเข้าคงไม่ต้องไปไหนกันพอดี... (ตังค์หมด!!) เมืองไม่ใหญ่มาก... หมายถึงส่วน Central Bath นะ เดินไปเดินมาครบหลายรอบแล้ว เหอๆ แต่ถ้าจะไปส่วนอื่นก็เป็นโซนๆ เหมือนลอนดอนเลย แต่โซนน้อยกว่า แล้วเหมือนว่าพื้นที่แต่ละโซนก็ห่างกันเยอะด้วยอะนะ
ดูรูปเอาเองละกัน...