Monday, April 28, 2008

Tower Bridge vs. สะพานแขวนเมืองไทย

เสาร์ที่แล้วไปเรียน Fashion Business ที่ Central Saint Martin College ที่ลงไว้เมื่อนานแล้ว เหอๆ ก็ฮาดีนะ แต่การจะเริ่มธุรกิจนี่มันอยู่ที่ว่า เฮงด้วยว่ะ... ไม่ใช่แค่ต้องมีเงิน!! เฮ่อออ...
เลิกเรียนสี่โมงไปเที่ยวกะกิ๊บและน้องๆที่มาเรียนภาษากันต่อถึงสามทุ่มได้... ไปเดิน Tower Bridge มา ที่ตอนหน้าหนาวไปตอนมืดแล้วและรีบไปดูลานเสก็ตที่อื่นต่อไง เลยไม่ได้เดินไปถึง Tower Bridge แต่วันนี้ไม่มีแดด มีแต่ฝน... ปรอยๆ หุหุ รูปไม่ค่อยสวยมากหรอก เหอๆๆ ไปหาเอาในเน็ตเองละกัน ขี้เกียจเอามาให้ดู ยืนดูจากข้างล่างมันก็สวยดีนะ แต่พอขึ้นไปเดินเล่นเฉยๆว่ะ เหมือน... "สะพานแขวน" บ้านเราดีๆนี่เอง... เหอๆ แล้วยังรู้สึกว่า เจ้าพระยาบ้านเรา (ถึงจาสกปรกไปหน่อย) มันก็ยังดูยิ่งใหญ่สมเป็นแม่น้ำสายหลักกว่า Thames ว่ะ เหอๆๆ ไม่รู้นะ อันนี้ต้องมาเห็นเอง... หลายอย่างที่ไม่ชอบ แต่หลายอย่างที่โอเค และหลายอย่างที่คิดว่าถ้ามันไปอยู่ในเมืองไทย ประเทศเราจะเป็นอะไรที่น่าอยู่ที่สุด??
  • การเดินทางเหมาจ่ายรายเดือนสำหรับคนทำงานประจำ เด็กนักเรียน ทั้งรถเมลล์ รถไฟฟ้า (จริงๆที่นี่ รถไฟที่นั่งเข้า-ออกเมืองก็มีรายเดือนด้วยมั้ง ถ้าจำไม่ผิด)
  • การแต่งตัวที่เป็นอิสระ หมายถึงว่าอยากแต่พิเรนแค่ไหน ถ้าบุคลิกไม่ใช่คนบ้าคนก็แค่มองเฉยๆแล้วผ่านไป ไม่ใช่มองนินทา... (อันนี้คงต้องใช้เวลานานมากกก ที่จะเปลี่ยนได้)
  • เรื่องตรงเวลา (บ้างก็ยังดีนะ ไอ้ที่นี่มันก็จะตรงเกินไปไหนวะ)
  • Charity ของบริจาคสภาพดีมาขาย แต่... ไม่ใช่ขายแล้วเข้ากระเป๋า เอา charity มาอ้าง!!

เรื่องอากาศคงเปลี่ยนกันไม่ได้แต่เรื่องที่เราบอกมันเปลี่ยนได้แต่มันต้องเปลี่ยนจาก ”คน” ก่อน... ซึ่งคิดว่า ยากมากกกก สำหรับสังคมไทย... ถ้านึกออกไว้จะมาเพิ่มละกัน หุหุ

Tuesday, April 22, 2008

13 Apr 2008 @ Bath City…

โอยยย กว่าจะเอารูปที่ถ่ายตอนไปเที่ยวที่ Bath มาขึ้นครบ ไม่รู้ระบบของเว็บรึคอมก็ไม่รู้มันจะมีปัญหาอะไรเยอะแยะนะเนี่ย... ค่ารถ 19.5 ไปกลับนะ ไม่ได้ไปรถไฟหรอก ไป coach เอามันจาถูกกว่า ถ้าไปรถไฟก็คนละ 50+ ได้ รถตรงเวลาโคดด... แต่เค้าไปรับคนที่อื่นด้วย มีจุดรับหลายที่ง่ะเหอๆๆ
โชคดีที่ว่าไป ฝนตกช่วงเย็นๆ แล้วตกไม่หนักและแปบเดียวก็หยุดแล้วเลยได้เดินเยอะหน่อย แต่ไม่ค่อยมีอะไรให้เดินเพราะมันเป็นวันอาทิตย์ ร้านปิดซะเยอะ ร้านที่เปิดก็ปิดเร็ว... ส่วน museum ที่นี่แม่งเสียเงินเข้าหมดเลย น้อยมากที่ไม่เสียเลยไม่ได้เข้าเลย เข้าไปแต่ Victoria Art Gallery ที่เดียว (จริงๆไปเข้าห้องน้ำหรอก เลยได้เดินดูเล่น) ไม่เสียค่าเข้าไง อิอิ นอกนั้นเสียเงินเลยได้แต่รูปจากรอบๆแถวนั้นมาฝากแทน เหอๆๆ เรียกว่าเหมือนจะไปไม่ถึง Bath จริงๆอะแหละ แต่ว่าถ้าจะเข้าคงไม่ต้องไปไหนกันพอดี... (ตังค์หมด!!) เมืองไม่ใหญ่มาก... หมายถึงส่วน Central Bath นะ เดินไปเดินมาครบหลายรอบแล้ว เหอๆ แต่ถ้าจะไปส่วนอื่นก็เป็นโซนๆ เหมือนลอนดอนเลย แต่โซนน้อยกว่า แล้วเหมือนว่าพื้นที่แต่ละโซนก็ห่างกันเยอะด้วยอะนะ
ดูรูปเอาเองละกัน...

Wednesday, April 02, 2008

จาก Re-know.com #2

อันนี้เอามาฝาก ถึงมันจะเก่าไปแล้วพอสมควรแต่คิดว่ามันก็เป็นแนวคิด (พิสดาร) ที่ยังเอามาปรับ ใช้ได้ เอามาเป็นบางอันเท่านั้นนะ ถ้าจะอ่านเต็มๆ ไปหาอ่านเอาจากเว็บเค้ากันเองมีทั้งหมด 12 แนวคิด เราจะบอกว่าเราคิดยังไงกับที่เค้าโพส ไม่ใช่มา feed ข้อมูลให้ แค่สงสัยว่ามันมีความเป็นไปได้แค่ไหนกับบุคคลต่อไปนี้...

แนวคิดแปลกๆที่ Work (บางข้อ)+ My Comments

1. จ้างคนที่เรียนรู้ได้ช้า (คนเรียนรู้ได้ช้ามักตั้งคำถามที่คนอื่นไม่คิดจะถาม)
  • ผู้บริหาร... มีกี่คนที่กล้าทำแบบนี้ กี่คนที่กล้าเปิดรับใหม่ๆ จากใครก็ไม่รู้ที่สนใจจะเข้าไปทำงานด้วย
  • ฝ่ายบุคคล... จะรับคนพิสดารเข้าบริษัทมาอาจจะต้องกลายเป็นคนหางานซะเองได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่ความต้องการที่มาจากเบื้องบน เว้นแต่มีเหตุผลที่ตำแหน่งข้างบนที่ว่าเค้าเข้าใจ... และพร้อมจะให้โอกาสคน
  • พนักงานในบริษัท... เรียนรู้ช้า แต่ก็ยังตั้งใจที่จะรับและพยายามพัฒนาตัวเอง อย่าลืมว่าสมองคนรับรู้และจำได้ไม่เท่ากัน
  • คนสมัครงาน... จะคิดแบบเรารึป่าว ว่าคนเรียนรู้ช้าก็ยังดีกว่าคนเก่งที่ไม่คิดจะเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้วน่ะ

1.5 จ้างคนที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ และบางทีคุณอาจจะไม่ชอบเขา
อันนี้บอกไม่ถูกนะแต่การที่คนหลายๆคนอาจจะพอได้กลิ่นอายของบรรยากาศการทำงาน แล้วเปลี่ยนใจเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าทำงานแล้วมันอึดอัดใจก็ลำบากไม่น้อยเหมือนกันนะ

2. จ้างคนที่บางทีคุณอาจจะไม่ได้ต้องการเขา
เหตุผล คือ... คนที่เราคิดว่าเค้าอาจจะไม่จำเป็นในตอนนี้ อาจจะเป็นคนที่จำเป็นที่สุดในวันข้างหน้าสักวัน โดยเฉพาะกรณีคนขาด... หรือแนวคิดคนไม่เหมือนกันการรับคนที่ทำหน้าที่เหมือนๆกันมาทำงานด้วยกันอาจ จะได้อะไรที่แปลกขึ้นใหม่ขึ้น หรือสมบูรณ์ขึ้น

3. ใช้การสัมภาษณ์งานเพื่อที่จะมองหาแนวคิดใหม่ๆ ไม่ใช่การคัดเลือกพนักงาน
  • ผู้บริหาร... ฝ่ายบุคคล... ควรจะคุยกันให้เรียบร้อย หรือผู้บริหารมาเป็นคนรับคนเองเลยง่ายกว่ามั้ย คิดว่าบางบริษัทไม่ใช่คนระดับบริหารที่จะลงมาเลือกคนด้วยตัวเอง...
  • ผู้บริหาร... พนักงานในบริษัท... จะดีกว่ามั้ยถ้าจะมีการพูดคุยกับพนักงานให้ทั่วถึงที่สุดเกี่ยวกับงานที่เค้าทำอยู่ ที่อยากจะทำ หรือความเห็นอื่นๆ
  • คนสมัครงาน... ทำได้อย่างเดียวคือเตรียมตัว... และหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทไว้ อันนี้คิดว่าถ้ามีใครที่รู้จักทำงานในนั้นแล้วเล่าปัญหาให้ฟัง แล้วเสนอการแก้ปัญหาให้ตอนสัมภาษณ์งานนี่ ทางบริษัทจะรับหรือจะตามเก็บวะเนี่ย...

6. ให้รางวัลความสำเร็จและความล้มเหลว ลงโทษการไม่ลงมือทำอะไรเลย
  • ผู้บริหาร... บางทีคนกลุ่มนี้อาจจะชอบคนที่ไม่ทำอะไรเลย(ที่นอกเหนือจากที่สั่งให้ทำ)นะ
  • พนักงานในบริษัท... คนเราต้องมีอะไรมากระตุ้นเป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าใครเกิดตัดสินใจแล้วผิดพลาด เนี่ย กี่คนที่ให้อภัยได้และให้กำลังใจคนอื่น ในขณะที่คนที่อยากก้าวหน้าด้วยวิธีสกปรกมันมีอยู่ในทุกองค์กร ( หรือว่าไม่จริงล่ะ)
รางวัลความล้มเหลวมันควรจะเป็นการให้กำลังใจดีๆ??

7. ตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างที่อาจจะมีโอกาสล้มเหลวก็ได้ แต่คุณก็ยังบอกกับตัวเองและทุกๆคนว่ามันต้องสำเร็จแน่นอน

8. คิดถึงสิ่งที่ไม่น่าจะทำได้ และวางแผนที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ
จะใครก็ช่าง... ไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่า มั่นใจว่าเราทำได้ ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงบางสิ่งได้ หรือทำสิ่งที่มันไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ได้ทั้งนั้น...

9. หลีกเลี่ยง ลูกค้าที่น่าเบื่อหรือทุกๆคนที่ต้องการจะพูดถึงแต่เรื่องเงิน
หลักการตลาดที่เราเคยอ่านคือ ถ้าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายน่าเบื่อ เรื่องมากก็เอาใส่พานส่งให้คู่แข่งไปซะ... ส่วนการพูดถึงเรื่องเงิน(เดือน)ไร้สาระ?? ถ้าฝ่ายบัญชี และคนที่เป็นหุ้นส่วนหรือเจ้าของบริษัทเนี่ย มันเป็นเรื่องปกติของเค้าล่ะ

11. ลืมอดีต โดยเฉพาะความสำเร็จของบริษัทของคุณ
เหตุผล คือ... ถ้ายังนึกถึงความสำเร็จอาจจะทำให้ลืมตัวว่าเรายังต้องพัฒนาต่อ และคนที่ตามก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นมาเทียบเราเมื่อไหร่ก็ได้ โดยเฉพาะเมื่อเราลืมตัว...

แต่หลายๆเรื่องถ้าคนนำ (ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ)ไม่เริ่ม มันก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง