Thursday, October 22, 2009

Book Buffet @ Bookoutlet, Amrin Plaza

ไม่รู้ว่ามีคนที่รู้ว่ามีกิจกรรมแบบนี้กี่คน คงจะเป็นคนที่ไปเดินแถวนั้นบ่อยๆล่ะมั้ง (อมรินทร์พลาซ่า กับเดอะมอลล์งามวงศ์วาน) จริงๆมีมาก่อนที่งานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์เริ่มด้วยซ้ำ แต่เพิ่งจะรู้มาไม่กี่วันนี่เองว่ามี Book Buffet 999 THB. เลยขอโฉบไปหน่อยที่อมรินทร์ ส่วนถ้าถามว่าไปมาคุ้มมั้ย ในแง่จำนวน(แบบพวกที่โลภหน่อยๆ)ได้มาไม่เท่าไหร่ ถ้าแง่ของคุณภาพล่ะก็ เลือกมาแต่หนังสือที่จะใช้แน่ๆ และชอบจริงๆ ใส่ถุงแล้วจะนวนิยายยัดไปอีกสาม-สี่เล่มยังได้เลยด้วยซ้ำ แต่เราไม่เอามาหรอกเอามาทำไม ไม่อ่านอยู่แล้ว ถ้าจะให้คนอื่น จะรู้มั้ยล่ะว่าคนเขียนคนไหนที่เค้าชอบอ่านประจำ ถึงเป็นขาประจำของนักเขียน คงจะซื้ออ่านไปนานแล้ว


ข้อดี

  • หนังสือเยอะดี เลือกได้ทั้งร้านจริงๆนะ
  • บริการดี (ไม่เหมือนบางร้านที่แบบว่าราคาแพ้ง แพง ลดก็ไม่ลด แล้วยังหยิ่งอีกตะหาก)

ข้อเสีย

  • หนังสือเก่าโคตร แบบบางเล่มมีแอบๆพังด้วย ประมาณว่าหนังสือใหม่ไม่มีเอามาวางประหนึ่งว่าจะปิดกิจการยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
  • ถุงที่ให้ยัดหนังสือเล็กไปหน่อยนะ ^^ แต่อย่างว่า ถ้าเป็นประเภทนวนิยายล่ะก็ สามารถเอามาได้เหมือนไปซื้อเสื้อแถวโบ้เบ้เลยอะ
สรุปว่าไปหิ้วมา ถ้าจ่ายเงินเองคงจะโดนด่าเละ เพราะรวมยอดเงินมาตกหมื่นนึง แต่อันนี้เค้ากดจากราคาเต็ม (หลายเล่มมีป้ายลดราคาติดประมาณว่าลดกี่ทีก็ยังไม่มีคนซื้อ) มีเล่มนึงที่ชอบนะ (อัพเดทเก็บไว้เสร็จมะไหร่) ตั้งใจจะ่บริจาคให้เด็กโดยเฉพาะ แต่ไม่รู้เด็กที่ไหน ที่อ่านภาษาอังกฤษได้ระดับนึง T_T ก็หนังสือที่เราเลือกมาเป็นประเภทเนื้อหาสาระ (อ่านมั้ยนี่อีกเรื่อง หุหุ) กับประเภทที่รูปแบบหนังสือแปลกๆนี่หว่า อ่อ งานนี้มีถึงสิ้นเดือนนี้ ช้าหมดอดของดี?!? ;P

PS: from
mystery88.exteen.com on 22 Oct 2009 & 27 Jun 2010 [Deleted Already]

Saturday, October 17, 2009

แผนผังงานหนังสือ กับ Supply ไม่ถูกเวลา

สังเกตมานานแระ ว่างานหนังสือเนี่ย ชอบกั๊กแผนที่ เป็นไปไม่ได้ว่าจะพิมพ์ไม่ทัน เพราะพวกนี้เวลาสั่ง ทางโรงพิมพ์ไม่ค่อยๆทำออกมาให้หรอก มีแต่ทำทีเดียวแล้วแพคมาเลยเป็นตั้งๆก่อนงานจะเริ่ม ไม่รู้ว่าจะกั๊กไว้ทำอะไร เพราะเห็นวันสุดท้ายทีไรเหลือเยอะเว่อร์ทุกที

เราไม่รู้ว่ามีใครทำแบบเราบ้าง คือ เอาแผนที่มาวันแรก เพื่อเอามาดูว่าร้านไหนอยู่ตรงไหนบ้าง (สำนักพิมพ์ที่ซื้อประจำน่ะ) ทำmark ไว้ว่าจะเดินยังไง บูธไหนที่อยากจะเดินไปดูว่ามีอะไรจะเดินไปทางไหนไม่ให้เสียเวลาเดิน คนเยอะขนาดนั้นกว่าจะเดินเจอเอาปวดขาไปก่อนพอดี แล้วกั๊กแผนที่แบบนี้ตรูจารู้มั้ยล่ะ ว่าบูธไหนอยู่ตรงไหน เดินๆไปนึกขึ้นมาได้ก็ต้องิว่งออกมาดูที่ป้ายทีงี้เหรอ ในใจคิดว่า อย่าให้กรูเห็นว่าวันสุดท้ายมีแผนที่เหลือเป็นตั้งนะเฟ้ย

เราว่าคนที่รักหนังสือจริงๆ แบบอ่านทีได้หลายเล่มหลายสำนักพิมพ์เค้าไม่ทิ้งแผนผังงานหรอก แล้วก็ไม่ใช่ว่าเอาไว้ที่บ้านด้วย ไม่งั้นที่เอาไปดูแล้วเขียนไว้ ว่า้ร้านไหนอยู่ตรงไหน จะเสียเวลาทำทำไม หรือตรูเป็นแบบนี้อยู่คนเดียวฟะ


PS: from
mystery88.exteen.com on 17 Oct 2009 [Deleted Already]

Saturday, August 08, 2009

กำลังคุมสติอยู่รึเปล่า??

คนเราอาจจะมีบ้างที่เผลอลืมๆอะไรไป โดยเฉพาะเวลาอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ มาดูกันว่ามีพฤติกรรมแบบนี้กันบ้างมั้ย

  1. โทรศัพท์ขณะขับรถ ไม่ว่าจะใชอุปกรณ์เสริมหรือไม่ก็ตาม
  2. คุยกันเป็นกลุ่มในที่่สาธารณะ
  3. เดินเรื่อยเปื่อย
  4. นั่งหลับบนรถ
  5. ตอนกำลังเล่นเกม
  6. ตอนฟังเพลง
  7. เวลากินอาหาร/ขนม

ทีนี้มาดูกันว่า ทำไมถึงเรียกว่าเป็นการกระทำที่ขาดสติ (ไม่ถือว่าขาดสติมากหรอกนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป)

กรณีแรก คุยโทรศัพท์ขณะขับรถ เค้าบอกว่าขาดสติยิ่งกว่าเมาแล้วขับ หลายๆคนน่าจะเคยอ่านเจอมาบ้างแล้ว ยิ่งถ้าไม่ได้ใช้ Small Talk ด้วยนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย มัวแต่คุย หรือเม้าส์แตกจนอาจจะลืมระวังตัวก็เป็นได้นะ ไม่ต่างอะไรกับการเดินคุยกันแบบไม่สนใจว่าใครจะรีบเดินผ่านไปไหนมั้ย ในเวลาที่เดินกับบนฟุตบาทแคบๆ

กรณีที่สอง ถ้าต้องการเดินไปคุยไป ระวังด้วยว่าเดินเกะกะทางมั้ย แล้วคนอื่นๆเค้าจะรีบเดินไปธุระอะไรมั้ยเพราะคนส่วนมากจะชอบเดินเรียงเป็นหน้ากระดานเม้าส์แตกแบบไม่สนใจใคร ขนาดไปเดินขวางทางรถ รถบีบแตรยังไม่สนใจเลยก็มี

กรณีที่สาม เดินมองนก ชมไม้ไปเรื่อย ร้านนี้ของน่ากินดี ร้านนู้นลดราคา ดูหน้าร้านซะหน่อยงี้ รวมทั้งการเดินล้วงกระเป๋า ไม่ว่าจะเก็บหรือจะหาของก็ช่าง คนอื่นที่เค้าเดินตามมาเค้ารำคาญนะ ถ้าจะยืนดูหน้าร้านก็ยืนชิดๆร้านหน่อยสิ ไม่งั้นก็เข้าไปดูข้างในเลย แล้วถ้าจะล้วงกระเป๋า พยายามหลบเข้าริม แล้วระวังคนไม่ประสงค์ดีหน่อยก็ดีนะ ยิ่งช่วงนี้คดตกงานเยอะด้วย

กรณีที่สี่ นั่งหลับ ระวังทำให้คนนั่งข้างๆรังเกียจ ระวังหลับแล้วเลยป้าย ระวังคนล้วงกระเป๋า และถ้ารู้สึกง่วงๆ สงสัยไว้ก่อนเลยว่ามีใครพยายามวางยานอนหลับ ไม่เคยอ่านเหรอ พวก forwad mail น่ะ ระวังไว้หน่อยก็ดี ถึงจะง่วงเองก็เถอะนะ

กรณีที่ห้าจะนั่งเล่นเกมในที่สาธารณะหรือเล่นในบ้านก็ช่าง เล่นที่ไหนก็ไม่ได้ทำให้มีสติเหมือนๆกันน่ะแหละ แต่เล่นที่บ้านยังไม่นับว่าขาดสติมากนักเพราะว่าไม่ต้องกังวลกับสิ่งรอบๆตัว เท่าไหร่ แต่ถ้าเล่นในที่สาธารณะแล้วไม่สามารถคุมตัวเองได้ แบบ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับเกมนี่ อาจทำให้ลืมอะไรไป เช่น ถ้านั่งเล่นเกนในร้านอาหาร อาจจะมีคนอื่นที่เค้ากำลังรอที่นั่งอยู่ หรือเล่นเกมตู้ก็เช่นกัน เผื่อแผ่บ้างนะ อ่อ ถ้าเล่นเกมตอนที่กำลังเดินทางก็ระวังจะนั่งเลยป้ายล่ะ รวมถึงการเลนเกมแบบไม่เกรงกลัวอันตรายว่า จะมีใครเล็งรอจังหวะชิงทรัพย์อะไรแบบนี้

กรณีที่หก ฟังเพลง ส่วนมากจะหลับกันไปด้วยเลยถ้าได้นั่ง ยังไงก็ไม่ต่างกับกรณีที่สี่นะแต่ขอเพิ่มในส่วนของการเปิดรดับเสียง ไม่ต้องเผื่อแผ่คนอื่นก็ได้ เพราะคนที่จะเดือนร้อนคือตัวคนที่ฟังนั่นแหละ จะได้พิการทางหูเอา แบบ หูตึงหูหนวกก่่อนวัยงี้ อีกหน่อยเครื่องช่วยฟังคงจะอินเทรนด์แทนล่ะนะ เพราะชอบฟังเพลงแบบเผื่อแผ่กันนี่นา

กรณีืที่เจ็ด เวลากิน... พฤติกรรมการกินที่สามารถบอกถึงระดับความไฮโซได้ เพราะความผหิวคงไม่ทำให้ใครคุมสติอยู่ อิอิ ยังไงก็พยายามระวังกิริยามารยาทซักนิดนึง ถ้าเป็นพวกบุปเฟ่ต์ยิ่งเห็นนิสัยคนได้ชัดยิ่้งขึ้น ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเห็นนิสัยไม่ดีล่ะก็ ระวังนิดนึงนะ เช่น งก... ตักทีนี่เอาเต็มจานเลยงี้ ตักอะไรที่มีน้อยๆไปกินคนเดียว ไม่เผื่อคนอื่นมั่ง กินแบบไม่ระวังเลอะเทอะงี้ อ่อ ระวังเรื่องการเคี้ยวด้วยล่ะ บอกแค่นี้แหละ


PS: from mystery88.exteen.com on 08 Aug 2009 [Deleted Already]

Tuesday, June 30, 2009

เมนูไดเอท: หนังสือ!!

ปกติเวลาไปเดินเล่นแล้วเกิดหิวข้าวในระดับที่สามารถทนได้ ก็มักจะเดินเข้าร้านหนังสือแทนที่จะเข้าไปหาอะไรกิน แล้วปักหลักอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง ออกมาพร้อมหนังสือสักเล่มติดมือมาด้วย ขนาดไม่ใช่ช่วงงานหนังสือ แล้วช่วงงานหนังสือหมดอีกบานชนิดที่ไม่ต้องพูดถึง สรุปเลยมีหนังสือเป็นตั้งที่ยังไม่ได้อ่าน (ไม่นับหนังสือเรียนนะ) ทั้งที่ซื้อมาจากงานหนังสือและมุมลดราคาที่ยั่วใจสุดๆกับหนังสือที่เรากำลังสนใจพอดี

ด้วยความกระแดะ ล่อ The World is Flat เวอร์ชั่นอังกฤษมาอ่าน กระโดดลงจากรถบัสที่บังเอิญจอดหน้าร้านหนังสือ Borders พอดี (จำย่านที่ไปซื้อไม่ได้แต่อยู่ใกล้ Shopping Center) ด้วยความอยากอ่านจัด พอซื้อมายังไ่ม่ทันจะอ่านพ้นบทแรก ไปนั่งกดเน็ตเล่นหาหนังสือเล่มนี้ ดันไปเจออีกเล่มที่เขียนต้านกัน ก็จัดการสั่งมาเ่ช่นกัน อ่อ ซื้อมาตอนช่วงปิดเทอมตอนเรียนโทเมื่อปีที่แล้ว สรุปได้มาสอง แล้วไม่ทันได้อ่านจริงจังซักกะเล่ม


กลับมาเมืองไทย ถึงจะพลาดงานหนังสือไปครั้งนึงที่กลับไม่ทันงานจะหมดไปหลายวัน แต่ก็รอจนมาอีกงานได้ ไม่มีอะไรจะซื้อแต่ก็หมดไปอีกไม่น้อยเช่นเคย ล่อทั้งการ์ตูนครบเซ็ท Prince of Tennis, หนังสือเกี่ยวกับพวก โฆษณา ตามแบบของคนชอบดูงานที่ครีเอทมาอีกสองเล่มแบบไม่ตั้งใจ เก่าไปหน่อยเพราะราคาเหลือ 50 บาท ได้มาตอนไปยืนรอการ์ตูนเรื่องนึงกับน้องที่เป็นญาติ ยืนนานไปหน่อยเลยหิ้วมาด้วยเลย

พวกสมุดเปล่าที่ได้มาทุกครั้งจากงานแบบนี้ กับเกมในหนังสือพิมพ์แจกฟรีที่ติดงอมแงม ชอบเล่นตอนนั่งรถไฟใต้ดินในอังกฤษ เมืองไทยเริ่มนิยมไปกับเค้าด้วยเลยมีให้เลือกเยอะ ได้หนังสือ Sudokumix ล่อเล่ม 4 เลย เอาไว้เล่นเวลานอนไม่หลับช่วงยังไม่ได้งานทำ เล่นแล้วจะน็อกคาหนังสือเพราะยากนรก เล่นไปเกือบครึ่งเล่ม

ช่วงนี้อยู่ๆก็อยากเรียนภาษาขึ้นมา แล้วไม่ใช่ภาษาเดียวหรือทีละภาษา จะกี่ภาษาก็ดูเอาจากที่เคยลงไว้เป็นความรู้เอาเองแล้วกัน เข้าร้านหนังสือไปหาแต่พวกภาษาก่อน เอาเป็นว่าเอามาเถอะ มันเป็นการเสริมความรู้ ใช้ได้ตลอด ไว้เอามาลงบล็อกนี้ในส่วนของภาษาที่งดอัพไปสองอาทิตย์ติด ส่วนจะได้อ่านพวกที่ยังไม่อ่าน หรืออ่านไม่จบต่อมั้ยนี่ไม่รู้แล้วล่ะ 555

PS: from mystery88.exteen.com on 30 JUN 2009 [Deleted Already]

Thursday, May 07, 2009

ของใหม่แต่ไม่ล่าสุด

ไปช่วยสอนในโครงการต้นกล้าอาชีพที่หัวข้อกับวิชาที่เปิดสอนไม่ตรงกัน ไม่บอกคนเรียนก่อนและไม่แสกนคนที่ระบบสุ่มให้ได้เรียนอีกตะหาก ตกเย็นไปตะลอนงาน Commart X-Gen ต่อที่ศูนย์สิริกิตติ์ อุส่าตั้งใจจะเดินถึงแค่ทุ่มครึ่ง ล่อไปสอง แถมด้วยของแพงติดมือกลับมาสอง ทั้งๆที่ตั้งใจจะไปซื้อแค่เม้าส์ปากกา กับ SD Card กล้องขนาดจึ๋งเดียว

ที่ว่าได้ของแพงมาสองอย่าง ก็เม้าส์ปากกาที่เป็นรุ่นแบบพื้นที่ทำงานใหญ่กว่าที่กะจะเอาตั้งแต่แรก แต่อีกอันเนี่ย ด้วยความทะลึ่งอยากมีอันใหม่ (ถึงอันเก่าจะใช้ได้แบบร่อแร่และไม่ค่อยจะได้ใช้นักก็ตาม) ได้เครื่องเล่น mp3 + mp4 ของ Sony มาตัวนึง เดี๋ยวนี้มีแบบคล้องหูอย่างเดียวด้วย ไม่มีสายโยงให้เกะกะ แต่พอนึกถึงเวลาใช้จริงกลัวมีปัญหาเหอะ

  • อย่างแรก หูฟังมีอายุการใช้งานน้อยกว่าเครื่องเล่น แล้วหูฟังมันติดกันกับเครื่องเ่ล่น พังทีทำไงอะ
  • อย่างที่สอง นึกถึงเวลาเลือกเพลง สำหรับคนอย่างเราที่ขนาดเลือกเฉพาะเพลงที่ชอบแล้ว ยังอุส่าเลือกตอนฟังอีกรอบ แล้วตัว mp3 ตัวใหม่ที่ว่าไม่มีดิสเพลย์เจ้าค่ะ (ถึงมี แต่มันคล้องหูอยู่ จามองเห็นมั้ยล่ะ)
  • อย่างที่สาม เพราะไม่มีดิสเพลย์ให้ดู จะจับวินาทีของเพลงไม่ได้เลย (เอาไว้ใช้เผื่อเวลาซ้อมเสก็ต ที่ต้องส่งรายการท่าที่จะทำคู่กับจังหวะเพลง)
  • อย่างที่สี่ ไม่เชื่อว่ามันจะไม่กระเด็น ถ้านึกถึงแรงเหวี่ยงอย่างพวกท่าหมุนที่ไม่ใช้รอบสองรอบเนี่ย แล้วยังเรื่องของแรงกระแทก จากพวกท่ากระโดดด้วย ขนาดหูฟังแบบเกี่ยวหูแล้วอุดรูยังหลุดได้อะ

สรุป ยังไม่มี mp3 ที่ใช้ได้จริงกับนักเสก็ตโดยเฉพาะ 555 ทนแรงกระแทก ทนแรงเหวี่ยง ตกได้-ไม่พังง่าย เบาและเสียงชัด ส่วนเม้ส์ปากกา ยังไม่ได้แกะใช้เลย กำลังตบกะคอมฯอยู่ ก็มันไม่ยอมอ่านแผ่นที่อุส่าไรท์ไว้ แถมเปิดทีทำหน้า Window หาย กดอะไรไม่ได้อีกตะหาก T_T

Thursday, April 23, 2009

ความต่างของ Creative กับ Designer ในมุมมองของเรา

เราว่าเราเองก็คิดอะไรเจ๋งๆได้อีกเยอะ แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าไอเดียที่ออกมามันไม่เคยเต็มที่ หรือเต็มที่แล้วแต่ไม่รู้ตัวก็ไม่รู้นะ ที่แน่ๆคือเวลาที่ผ่านไปก็อาจจะทำให้เรารู้สึกไปเองว่างานที่ผ่านไปยังเจ๋ง ได้อีก หรือไอเดียที่ออกมายังไม่ถึงที่สุด อยากจะรู้เหมือนกันว่าความรู้สึกที่ว่า “นี่แหละที่สุดของที่สุดสำหรับงานนี้” ที่มันเป็นมากกว่าความพอใจ มากกว่างานที่ต้องขายได้ มากกว่าการทำให้คนอื่นชอบ จะมีเมื่อไหร่ ทำยังไงให้ไอเดียที่ออกมานั้น ออกมาได้สุดๆแล้วจริงๆในแต่ละชิ้นงาน ชนิดที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ไม่มีอะไรที่จะต้องแก้อีก

อย่างว่าล่ะ งานที่เราพอใจไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นงานที่ขายได้เสมอไป หรือทำให้คนทั่วไปชอบได้ และงานที่ขายได้จนติด Best Seller ก็ ไม่ได้หมายความว่าต้องเจ๋ง ต้องดีที่สุดเสมอไปเช่นกัน ถ้าจะถามว่าเพราะคนพอใจแบบนั้น หรือชอบแบบนั้นมันก็ไม่ได้ถูกซะทีเดียว อาจจะเป็นเรื่องของจิตวิทยาว่าไม่กล้าเปลี่ยนหมดซะทีเดียว หรือ จุดประสงค์ของคนที่ซื้อไปด้วย

แล้วก็... ความแตกต่างของ Creative กับ Designer อยู่ที่เอกลักษณ์ของผลงาน ไม่รู้นะว่าคิดไปเองมั้ยแต่จากที่เราไปลงครอสออกแบบโฆษณา เหมือนกับว่ากลุ่มคนที่เป็น Creative หรือกระทั่ง Producer ต้องทำงานได้หลากหลาย ได้ทุกรูปแบบ ในขณะที่ Designer โดย เฉพาะแฟชั่นจากที่เราเรียนๆมา และจากที่เราอ่านของแบรนด์ต่างๆดู คนที่ไม่มีสไตล์งานตัวเองที่ชัดเจนก็อยู่ไม่ได้ หรืออยู่ได้ไม่ยืด การทำงานได้หลายแบบที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงไม่ได้ช่วยอะไรมากนักสำหรับคนที่ เป็น Designer แต่ถ้างานที่ออกมามี การปรับเปลี่ยนที่คงอารมณ์รูปแบบ หรือลักษณะเฉพาะตัวที่สะท้อนจากงานไม่ได้ต่างไปจากผลงานที่เคยทำๆมา กลับทำให้คนเชื่อมั่นมากกว่า และตัดสินใจที่จะอุดหนุนต่อไป

เป็นไปได้ว่า Designer จะ ไปเน้นที่แบรนด์ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คือแบรนด์ จะต้องมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ให้คนที่จะมาเป็นลูกค้ารู้ว่ามันต่างกับคนอื่นตรงไหน ยังไง เสริมบุคลิกของลูกค้ากลุ่มนั้นๆให้เป็นตัวเค้าเองได้เต็มที่แค่ไหน

Sunday, March 15, 2009

ถ้ามีโอกาสนั่งตำแหน่งสูงๆความคิดแบบนี้จะเปลี่ยนมั้ย?

Mar 15, 2009 12:49 PM
เลือกคนที่ภายนอกเมื่อแรกเห็น
ดูแค่ผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างเดียว
เลือกแต่คนมีประสบการณ์จากการทำงานแบบทางการ
มองข้ามความสามารถที่พัฒนาทีหลังได้

แล้วเมื่อไหร่จะเรียกตัวเองว่าพัฒนาแล้วได้เต็มปาก??

การที่ลงมือทำบางอย่างแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่วาจะไม่ได้อะไรจาการลงมือทำไม่ใช่เหรอ?
ประสบการณ์บางอย่างที่อาศัยระยะเวลาเพื่อเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องมีคนรับรองด้วยเหรอ?
เลือกเอาแต่คนหน้าตาดีๆ ไม่คิดบ้างเหรอว่า วันๆเค้าอาจจะห่วงสวยมากว่าสร้างผลงาน?
ถ้าเลือกคนที่มีความสามารถตรงกับที่ต้องการ แต่คนคนนั้นกลับไม่พัฒนาอะไรต่อล่ะ?

คิดขวางโลกกับคิดนอกกรอบ ต่างกันนิดเดียว!!
เอาสมองไปคิดเรื่องไร้สาระต่อดีกว่า...
แล้วบางที เรื่องไร้สาระที่ว่าก็ไม่ได้ไร้สาระเสมอไป